"ศบค."เผย "WHO"เตือนทั่วโลกต้องปลดล็อกอย่างช้าๆ หวั่น "โควิด-19"พุ่งขึ้นมาใหม่ ด้าน"ผบ.ทสส." ชี้ "6กิจการกิจกรรม" ได้ผ่อนคลายต้องทำตามมาตรการ หากทำไม่ได้โดนเตือน-สั่งปิด ย้ำปชช.ต้องเข้มงวดการ์ดอย่าตก "ปลัดมท."แจงชัดปม "คนภูเก็ต" กว่าพันคน แห่เดินทางกลับต่างจังหวัด ยันออกได้แค่ 14 ตำบล-ตรวจตามมาตฐาน "บิ๊กป้อม" กำชับส.ส.ติดตามประเมินผลโควิด-19 หลังรบ.ประกาศคลายล็อก "เพจลุงตู่ตูน"เปิดโฉมหน้า "9 มหาเศรษฐีไทย" ตอบรับคำขอนายกฯ ช่วยประเทศฝ่าวิกฤติโควิด "ดุสิตโพล"เผยปชช.พอใจมาตรการคุมเข้ม โควิด "กักตัว" ผู้เดินทางเข้าประเทศ 14 วัน แฮปปี้เลื่อนจ่ายภาษี-เยียวยาเกษตรการ-ประกันสังคมจ่ายเงินว่างงาน-ใช้ไฟฟรี ขณะที่"เอ๋-ปารีณา" โพสต์แจงปิดไลน์กลุ่ม "พลังประชารัฐ" ชี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมืองส่งผลลบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 พ.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) เตือนทั่วโลกต้องคลายล็อกอย่างช้าๆ เตรียมรับโควิด-19 พุ่งอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเตือนโดย ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะฉุกเฉินของ WHO ที่ระบุว่าจะต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อที่จะพุ่งขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะการรับมือการแพร่ระบาดในสถานที่ที่มีจำเพาะ เช่น เรือนจำ ที่พักแรงงานต่างชาติ ต้องให้ชุมชนปฏิบัติเว้นระยะห่างต่อไป
ด้าน พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.)แถลงว่า วันนี้(3พ.ค.) ถือเป็นวันแรกที่มีมาตราการผ่อนคลาย 6กิจการ-กิจกรรม แต่ 2 วันที่ผ่านมาได้มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการสื่อความหมายของการผ่อนคลาย จึงต้องทำความเข้าใจกันใหม่ว่ายังการ์ดตกไม่ได้ ดังนั้นการเดินทางไม่ใช่คำแนะนำที่รัฐบาลให้ทุกคนปฏิบัติได้ในขณะนี้และในข้อกำหนดที่ประกาศออกมายังระบุว่างดหรือลดการเดินทางข้ามเขตจังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและต้องแสดงหลักฐาน และเมื่อเดินทางไปแล้วจะต้องเจอกับจุดตรวจ ก็ต้องยอมรับสภาพว่าทั้งเดินทางไปและกลับจะต้องพบกับความไม่สะดวกเหล่านั้น
"ชุดตรวจของฝ่ายความมั่นคง หากตรวจพบสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักก็ต้องตักเตือน และถ้าไม่ทำก็ปิด เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อคนในภาพรวมไม่ได้ประสงค์ต่อการกันแกล้ง เพื่อให้ทุกคนที่ไปใช้บริการเกิดความมั่นใจว่าสถานที่ที่เข้าไปนั้นปลอดภัยพอเพียง นี่คือความยืดหยุ่นผ่อนคลาย
ผบ.ทสส. กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดที่ 4 พ.ค., 6 พ.ค. และ 11 พ.ค.นี้ ถ้าไม่เดินทาง หยุดแล้วอยู่กับบ้าน หรือทำกิจกรรมอื่นที่มีการผ่อนคลายให้ และสนับสนุนให้ทำงานอยู่กับบ้าน ทำงานเหลื่อมเวลา ขอให้ยึดหลักเดิมไว้เพื่อประคองตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ให้น้อยอยู่เช่นนี้ ส่วนการตั้งจุดตรวจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง โดยจุดตรวจโควิด-19 ลดลง เหลือ 312 จุด และจุดตรวจเคอร์ฟิว เหลือ 690 จุด และไปเพิ่มชุดออกสุ่มตรวจความพร้อมของสถานประกอบการ ที่จะดำเนินการจริงจังเข้มข้นในห้วง 28 วันจากนี้ไป
ส่วน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถาน การณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงเหตุผลของการปล่อยให้ประชาชนออกจากจ.ภูเก็ตว่า ขอทำความเข้าใจกรณีที่จ.ภูเก็ตอนุญาตให้ประชาชนกลับภูมิลำเนาได้บางส่วน เพราะมีประชาชนที่ไม่ใช่เป็นคนในพื้นที่ภูเก็ตรวมประมาณ 1 แสนคน แต่เข้าไปทำงาน เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาด จังหวัดจึงมีมาตรการห้ามเข้า-ออกจังหวัด พบว่าในจำนวนนี้มีกว่า 5 หมื่นคน ที่ตกงาน ไม่มีงานทำ มีความจำเป็นด้านเศรษฐกิจ แต่จังหวัดยังไม่อนุญาตให้ออก จึงได้จัดทำทะเบียนแสดงความประสงค์ที่จะเดินทางออก แต่ไม่ใช่อนุญาตให้ออกได้ทั้งหมด จะอนุญาตเฉพาะ 14 ตำบล ให้ออก อีก 3 ตำบล ที่ยังต้องคุมเข้มไม่ให้อออก
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้รับการอนุญาตให้ออก ต้องมีการรับรองจากพื้นที่ สาธารณสุข และผู้ว่าราชการจังหวัด มีการแจ้งไปยังจังหวัดปลายทางต่างๆ 56 จังหวัด ว่ามี 3,600 คน จากภูเก็ตออกไปแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ใน 11 จังหวัดทางภาคใต้ 2,500 คน หรือประมาณ 70 เปอร์เซ็น นอกนั้นจะกระจายไปจังหวัดละคนสองคนใน 56 จังหวัด ซึ่งจังหวัดอื่นๆ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปลายทางจะทราบข้อมูลแล้วว่าจะมีคนมาจากภูเก็ตจำนวนเท่าไหร่ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนด่านระหว่างทางก็มีการประสานแจ้งด้วยเช่นกัน ว่ามีคนจากภูเก็ตที่ผ่านกระบวน การรับรองตามขั้นตอนแล้ว เพื่อความสบายใจ ในการคัดกรองเป็นที่ยอมรับแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนมาตรการยับยั้งการระบาดของโรค แม้ข้อปฏิบัติจะมีการลดหย่อนผ่อนปรนทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย จะผ่านจุดคัดกรองที่ใดต้องชี้แจง แต่ต้องคิดอยู่เสมอว่าเรายังมีช่วงเวลาเคอร์ฟิว ที่จะไม่มีการยกเว้น
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธานส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้กำชับให้ส.ส.ทั้งหมดติดตามและประเมินผลว่าการผ่อนคลาย 6 กิจกรรม ในช่วงการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมรับฟังปัญหา และรายงานผลกลับมาที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "ลุงตู่ตูน" ออกมาโพสต์ข้อความว่า "นายกฯ ลุงตู่" ยอมโดนต่อว่า เพื่อเอ่ยปากขอความร่วมมือจาก มหาเศรษฐี จนสามารถระดมความช่วยเหลือมาได้ ผลประโยชน์จึงตกอยู่กับคนไทยทุกคน พร้อมเปิดเผยรายชื่อของ 9 มหาเศรษฐี ที่ได้ตอบรับนายกฯช่วยโควิดประกอบด้วย1.ธนินท์ เจียรวนน์ ผู้ก่อตั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ดำเนินการไปแล้ว 700 ล้านบาท 2.ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล อยู่ระหว่างการหารือภายในถึงมาตรการเพิ่มเติมที่จะช่วยเหลือประชาชน 3.คีรี กาญจนพาสน์ ประ ธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดโครงการที่จะนำเสนอเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยจะมีการช่วยเหลือหลากหลายรูปแบบ 4.เฉลิม อยู่วิทยา ครอบครัวอยู่วิทยา(เครือกระทิงแดง) เสนอแผนทุ่มงบ 300 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการ"พึ่งตน พึ่งชาติ" 5.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ ให้ความช่วยเหลือแก่แพทย์สภาและกระทรวงสาธารณสุขในวิกฤติโควิด-19 พร้อมช่วยรัฐบาลแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำตั้งงบ 100 ล้านบาท 6.อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เสนอแนวความคิดแก้ปัญหาวิกฤติประเทศ ตั้งงบ 1,500 ล้านบาท ผ่าน 4 โครงการ สนับสนุนทางการแพทย์, พัฒนาสังคม, เยาวชน และพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 7.ประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท พีเอ็มส์ กรุ๊ป จำกัด ตั้งงบ 150 ล้านบาท รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในจังหวัดลำพูน ตลอด 6 เดือน8.เพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) จัดสรรงบ 100 ล้านบาท ทำโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 9.ฉัตรชัย แก้วบุตตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มศรีสวัสดิ เสนอเข้าช่วยแก้หนี้นอกระบบ
ขณะที่ สวนดุสิตโพล จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง"ความพึงพอใจต่อมาตรการต้านโควิด-19 ของรัฐบาล" จากที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการรับมือกับโควิด-19 และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน พบว่า มาตรการรับมือโควิด-19ของรัฐบาลที่ประชาชนพึงพอใจ คือ การคุมเข้มกักตัวผู้โดยสารเดินทางเข้าไทย 14 วัน คิดเป็น 94.18% หรือพึงพอใจมากสุด การห้ามเครื่องบินเข้าสู่ไทยชั่วคราว คิดเป็น 92.55% หรือพึงพอใจมากสุด การที่ อสม.แต่ละพื้นที่ตรวจติดตามคนในชุมชน คิดเป็น 89.03% หรือพึงพอใจมาก การกักตัว "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" คิดเป็น 88.01% หรือพึงพอใจมาก, การตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยง คิดเป็น 87.08% หรือพึงพอใจมาก การล็อคดาวน์กรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ คิดเป็น 85.45% หรือพึงพอใจมาก การเคอร์ฟิว 22.00 - 04.00 น. คิดเป็น 85.40% หรือพึงพอใจมาก, การทำงานที่บ้าน Work from Home คิดเป็น 85.01% หรือพึงพอใจมาก
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนของรัฐบาล ที่ประชาชนพึงพอใจคือ การเลื่อนชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถึง 31 ส.ค.63 คิดเป็น 83.51% หรือพึงพอใจมาก จ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรครัวเรือนละ 15,000 บาท คิดเป็น 81.43% หรือพึงพอใจมาก, ประกันสังคมจ่ายเงินกรณีว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 คิดเป็น 80.86% หรือพึงพอใจมาก, ประกันสังคมลดเงินสบทบนายจ้างและผู้ประกันตน คิดเป็น 79.11% หรือพึงพอใจมาก ใช้ไฟฟรี 150 หน่วย/ลดค่าไฟ 50% คิดเป็น 79.03% หรือพึงพอใจมาก คืนเงิน"ค่าประกันการใช้ไฟฟ้า" คิดเป็น 78.89% หรือพึงพอใจมาก ร้านธงฟ้าขายหน้ากากราคา 2.50 บาท คิดเป็น 75.76% หรือพึงพอใจมาก, กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จ่ายเงินเยียวยา 2,000 บาท คิดเป็น 74.10% หรือพึงพอใจมาก แจกเน็ตฟรี 10 GB ฟรี 30 วัน คิดเป็น 73.06% หรือพึงพอใจมาก, ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 3% คิดเป็น 70.29% หรือพึงพอใจมาก เงินเยียวยา 5,000 บาท "เราไม่ทิ้งกัน" คิดเป็น 66.91% หรือค่อนข้างพึงพอใจ
วันเดียวกัน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงกรณี #ป่วนไลน์กลุ่มพลังประชารัฐ #ต่อไปนี้ไม่มีไลน์กลุ่มพลังประชารัฐว่า กลุ่มไลน์พลังประชารัฐ เป็นกลุ่มไลน์ที่มีแต่ปัญหา ในอดีตมีใครก็ไม่รู้ส่งคลิปหวิวเข้ามาในกลุ่ม และทางส.ส.กานกนิษฐ์แจ้งให้เพื่อนๆทุกคนรีบออกจากกลุ่มเพราะมีไวรัส ตั้งกลุ่มใหม่ ต่อมา อยู่ดีๆก็มีส.ส.ไปชวนเพื่อนของ ส.ส. ที่ไม่ใช่ ส.ส.เข้ามาร่วมในกลุ่ม ดีที่ส.ส. โอ๋ ชัยวุฒิ ตาไว รีบขอร้องให้บุคคลดังกล่าว ออกจากกลุ่มไปและแจ้งเพื่อนๆ ห้ามมิให้เชิญคนอื่น เข้ามาในกลุ่ม กลุ่มนี้ มี ส.ส. หลายท่านใช้ชื่อจริง หน้าจริง เข้าร่วมเป็นสมาชิก แต่ก็มีส.ส.หลายท่านที่ใช้ชื่อย่อ ชื่อปลอม และไม่มีหน้าตาเข้าร่วมในกลุ่ม จึงทำให้ตรวจสอบสมาชิกในกลุ่มจำนวนร้อยเศษๆคนยากไม่รู้มีใครอยู่ในกลุ่มบ้าง ได้แต่เพียงขอความร่วม มือว่ามิให้คนอื่นเข้ามาในกลุ่ม จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไลน์หลุดมากมายและต่อเนื่องจนกลุ่มไลน์ดังกล่าวอาจกลาย เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการทำลายภาพลักษณ์ที่เรารักกันพลังประชารัฐ ดิฉันขอย้ำว่า พวกเรา รักกันมาก พวกเรารักกันเหมือนความรักของผัวเมีย ที่บางครั้งผัวกับเมียก็จะทะเลาะกัน แต่ก็ยังรักกันมากมาย อย่าลืมพลังประชารัฐเรามีพลเอกประวิตรที่เป็นหัวใจสำคัญของพรรคและกลุ่มไลน์เจ้าปัญหาล่าสุด ดิฉันถูกกล่าวหาว่าส่งคลิปหวิวเข้าไปในกลุ่ม และเตะทุกคนออกจากกลุ่มทำให้กลุ่มหายไป ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่าไม่ได้ส่งคลิปหวิวดังกล่าว ส่วนประเด็นการตั้งกลุ่มใหม่ ทางผู้ใหญ่ลงความเห็นควรงดตั้งกลุ่มไลน์พลังประชารัฐแล้ว เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว มีแต่สร้างภาพลบให้กับพรรค จริงบ้าง มั่วบ้าง ไม่มีความเป็นส่วนตัว ไม่รู้ใครอยู่ในกลุ่มบ้างและส่วนตัวรู้สึกว่า กลุ่มไลน์นี้เป็นลบ มากกว่าบวก และรำคาญข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มไลน์นี้เต็มที่แล้วค่ะ"