สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนชาวสเปน เริ่มพากันออกนอกเคหสถาน บ้านเรือนของตนกันแล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ นับตั้งแต่รัฐบาลสเปน ประกาศมาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค. เป็นต้นมา เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ลุกลามอย่างหนัก จนส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อและผู้ป่วยที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลสเปน ได้คลายมาตรการล็อกดาวน์ ภายหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสเปน เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ได้ประกาศกำชับว่า หลังการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.เป็นต้นไป ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีซานเชซ ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลได้เตรียมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า จำนวน 14.5 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ที่จะมาใช้บริการขนส่งธารณะ ทั้งตามสถานีรถไฟ รถไฟฟ้า และรถประจำทาง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสเปน ยังเผยด้วยว่า ทางการมาดริดได้เตรียมงบประมาณฉุกเฉินจำนวน 16 หมื่นล้านยูโร (คิดเป็นเงินไทยราว 5.74 แสนล้านบาท) เพื่อจัดสรรไปยังรัฐบาลท้องถิ่น สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนมากกว่า 245,000 ราย และผู้ป่วที่ยเสียชีวิตมากกว่า 25,000 ราย ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังของสเปน ยังระบุด้วยว่า เหตุระบาดของไวรัสข้างต้น ทำให้เศรษฐิจของประเทศในปีนี้อยู่ในภาวะหดตัว หรือติดลบ มากถึงร้อยละ 9.2