คืบหน้ากรณียิงตาย 2 ศพและบาดเจ็บ 1 รายในสวนยางพาราเหตุเกิดเวลาประมาณ 4 ทุ่มคืนวันที่ 28 เม.ย.จนถึง 4 โมงเช้าวันใหมี่ญาติไม่เห็นผู้ตายมารับเอากับข้าวไปกิน จึงขี่รถไปดูในสวนยางพาราพบกลายเป็นศพถูกยิงตายอยู่หน้าเถียงนา ส่วนคนบาดเจ็บหลังวิ่งหนีถูกยิ่งไล่หลังไป 2 นัดวิ่งไปหลบอยู่ขอบสระจมกองเลือด แต่พอมีญาติไปตามจึงตะเกียกตะกายขึ้นมาขอความช่วยเหลือ ส่วนผู้ตายทั้ง 2 ศพญาติได้ทำเมรุชั่วคราวเผาแล้ว ด้าน พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผู้การบึงกาฬได้เรียกชุดสืบสวนมาประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี บอกพอรู้ตัวกลุ่มคนร้ายแล้ว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 30 เม.ย.ที่ห้องประชุมสำนักงานผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ได้เรียกทีมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายยิง 3 หนุ่มในสวนยางพารามาประชุมติดตามความคืบหน้า ซึ่งประกอบไปด้วย พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รอง ผบก.พ.ต.อ.อนุกูล ดาวลอย รอง ผบก. พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ชนินทร์ จิตรแจ้ง ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.อดุลย์ ฉิมทับ รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.ฉายยนต์ ชาวดอน รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.ยอดยม อุปการ รอง ผกก.(สอบสวน) โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมงหลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวหน้าห้องประชุมว่า เบื้องต้นนี้ได้ตั้งประเด็นการสังหารโหดไว้ 2 ประเด็นคือ 1.เป็นเรื่องขัดกันของธุรกิจมืด 2.ทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งจะต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนทีมสืบนั้นได้เข้าประกบตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้วและพอรู้ตัวกลุ่มคนร้ายที่ลงมือสังหารผู้ตายทั้ง 2 ราย ส่วนจะได้ตัวมาวันไหนนั้นยังบอกไม่ได้ต้องขอเวลาหน่อยให้เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหารายละเอียดมาประกอบสำนวนคดีและคำให้การของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่จะทำให้ดีและเร็วที่สุด ส่วนหนึ่งก็สืบจากโทรศัพท์ของผู้ตายที่คนร้ายเอาไปด้วยทั้ง 2 เครื่องพร้อมรถจักรยานยนต์ แต่คาดว่าจะจับตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้มา ส่วนอาวุธปืนที่ใช้สังหารเหยื่อเป็นปืนขนาด .380 เอซีพี ซึ่งมีคนนิยมใช้ไม่มาก ส่วนนายชูพงษ์ หรือสุทัศน์ เสาะสมบูรณ์ อายุ 29 ปีถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการปลอดภัยแล้ว
ในช่วงบ่ายวันนี้ได้มีพิธีฌาปนกิจศพ นายอุดมหรือเตื่อย โพธิ์ศรี อายุ 29 ปี กับนายศักดาหรืออ้น เขาภูเขียว อายุ 33 ปี โดยมีญาติมิตรและคนรู้จักไปร่วมงานที่ฌาปนสถานบ้านดอนอุดม หมู่ที่ 2 ต.โนนสมบูรณ์ โดยทำเป็นเมรุชั่วคราวกลางแจ้งก่อเป็นกองฟอนขึ้น 2 กอง ส่วนตัวเมรุหลักได้เป็นที่ฌาปนกิจศพของนายนิคม ยอดแสง อายุ 38 ปีคนในหมู่บ้านดอนอุดมด้วยกัน ที่ผูกคอตายเพราะเครียดฐานะยากจนเมียก็ทิ้งแถมติดสุราเรื้อรัง ท่ามกลางญาติมิตรและคนรู้จักมาร่วมงานบางตา เพราะอยู่ในช่วงระบาดของไวรัสโควิด 19
ด้านนายสุเมธ เพ็ญศรี เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กองทุนยุติธรรมจังหวัดบึงกาฬได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลสอบถามญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เพื่อนำเสนอคณะกรรมการจะได้พิจารณาให้การช่วยเหลือเยียวยา แก่ญาติผู้เสียชีวิตทั้งสองรายและผู้บาดเจ็บ ตามระเบียบหลักเกณฑ์นั้นจะมีเงินเยียวยาให้รายละ 50,000-110,000 บาท ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าผู้ตายหรือผู้ประสบเหตุมีส่วนในการทำให้ตัวเองถูกกระทำด้วยหรือไม่ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์ก็จะได้รับเงินเยียวยาเต็มจำนวน
ส่วนนางวันทนีย์ ผาสุโพธิ์ อายุ 36 ปีภรรยานายศักดาหรืออ้น เขาภูเขียว กล่าวทั้งน้ำตาว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่คิดว่าสามีจะด่วนจากไปเร็วถึงขนาดนี้ ปกติสามีก็จะเป็นคนดูแลรับผิดชอบกับครอบครัวเป็นอย่างดีขยันทำมาหากิน วันเกิดเหตุจะไปช่วยนายอุดม โพธิ์ศรี ซึ่งเป็นญาติกันเปิดหน้ายางกรีดใหม่ จากนั้นค่อยมาเปิดหน้ายางของตัวเองซึ่งก็เปิดใหม่เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ จึงอยากให้ตำรวจติดตามจับกลุ่มฆาตกรให้ได้โดยเร็ว เพราะขาดสามีซึ่งเป็นเสาหลักไปครอบครัวก็เดือนร้อน ตนต้องเลี้ยงดูลูกสาว 2 คนวัยกำลังเรียนหนังสือคืออายุ 16 และ 11 ปี ส่วนตนทำงานเป็นแม่บ้านที่สำนักงานแห่งหนึ่งเงินเดือนก็น้อย
ล่าสุดมีข่าวคืบหน้าการติดตามจับกุมแก๊งมือปืนที่สังหารโหดหนุ่มชาวสวนยาง โดยชุดสืบสวนได้ควบคุมตัว 5 คนร้ายได้แล้วจากอำเภอพรเจริญ จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นจุดที่สัญญาณโทรศัพท์ของผู้ตายโชว์ แต่ไม่นานก็ถูกปิดลงเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ และทราบว่าตัวมือปืนที่ลงมือลั่นไกรสังหารเหยื่อ 2 ศพและบาดเจ็บ 1 คนหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปได้ กำลังประสานส่วนเกี่ยวข้องเพื่อนำตัวมาสอบสวนหาสาเหตุของการสังหารโหดในครั้งนี้ คืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.