กรมชลประทาน ปลื้ม !! ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เป็นไปตามแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้ พร้อมเดินหน้ารับมือฤดูฝนที่กำลังจะมาเยียนอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ณ วันที่ 30 เม.ย. 63 มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 35,421 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้ประมาณ 11,742 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,649 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ มีน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,953 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ นับเป็นวันสิ้นสุดของ การส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน ที่เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63 และจากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่การส่งน้ำในช่วงต้นฤดูฝน สำหรับผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศ พบว่า ณ วันที่ 30 เม.ย. 63 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นประมาณ 17,053 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น ร้อยละ 96 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,595 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของแผนฯ ถือได้ว่าการใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้ ส่วนผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 4.75 ล้านไร่(แผนวางไว้ 2.83 ล้านไร่) เก็บเกี่ยวแล้ว 1.88 ล้านไร่ แยกเป็นข้าวนาปรัง 4.21 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 3 ล้านไร่ และพืชไร่-พืชผัก 0.54 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 0.27 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังประมาณ 1.98 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.85 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก กรมชลประทาน ได้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำตลอดในช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 อย่างรัดกุมที่สุด เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยเหตุจากในช่วงฤดูฝนปี 62 มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่งผลให้ปริมาณในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และแม่น้ำสายต่างๆ มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก พร้อมกันนี้ ยังได้เดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ 61 จังหวัด ด้วยการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 69 คัน ปริมาณน้ำสะสมทั้งสิ้นประมาณ 26 ล้านลิตร รวมไปถึงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 636 เครื่อง และเครื่องจักรกลอื่นๆอีก 334 หน่วย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งนี้ กรมชลประทาน ต้องขอขอบคุณเกษตรกรและประชาชน ทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้ นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้ดำเนินการจัดจ้างแรงงานชลประทานทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง จนถึงขณะนี้มีผู้เข้าร่วมรับการจ้างงานกว่า 28,000 รายแล้ว ซึ่งโครงการชลประทานทุกแห่ง ยังคงเดินหน้าจัดจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่องให้ครบตามเป้าหมาย เกษตรกรหรือประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน