วันนี้ (30 เม.ย.2563) ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าชาวบ้านหมู่ที่ 3 บ้านวังอ้ายจืด ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ได้มีเรื่องตื่นตระหนกเมื่อพบกับแสงประหลาดดวงใหญ่ลอยไปมาเหนือพื้นดิน ซึ่งมีคนในหมู่บ้านเห็นหลายคน ก่อนเช้าพบไก่ตายเกลื้อนเกือบยกเล้านับ10ตัว จึงได้ลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านเพื่อไขข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่บริเวณกลางทุ่งไร่นา ท้ายหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านวังอ้ายจืด ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีนายเอกชัย สุเสนา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 129 หมู่ที่ 3 บ้านวังอ้ายจืด เป็นเจ้าของเบื้องต้นนายเอกชัย ฯได้เล่าว่าถึงที่มาที่ไปของแสงสีแดงปริศนาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนของวันที่ 26 เม.ย.2563 ตนเองได้ออกมานอนเฝ้าคอกวัวซึ่งทำไว้ที่กระท่อม โดยห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งในกลางดึงวันนั้นขณะที่ตนเองนั่งเล่นและกำลังจะเตรียมเข้านอน ก็ได้กวาดสายตาดูรอบบริเวณไร่นานั้นครั้งสุดท้าย จึงได้ไปสะดุดกับแสงสีแดงบนพื้นดินมีลักษณะเป็นแสงสว่างดวงใหญ่คล้ายกับมีคนก่อกองไฟ แต่ด้วยความสงสัยและประหลาดใจว่าดึกดื่นป่านนี้ ใครกันมาก่อกองไฟไว้บริเวณนั้น ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ มีโจรออกมาขโมยลักวัวควาย แถมยังจับหัวขโมยรายนี้ยังไม่ได้อีก จึงตัดสินใจ มือถือไฟฉายเอวพกมีดเดินเข้าไปดูแบบเงียบๆระหว่างที่แอบย่องเดินเข้าไปดูบังเอิญนิ้วมือไปกดถูกกับสวิทย์ไฟฉายที่นำไปด้วยจึงทำให้ไฟฉายที่ถือมาเปิดส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ขณะนั้นแสงสีแดงดังกล่าวก็ลอยตัวขึ้นจากพื้นดินพร้อมกับได้ยินเสียงคล้ายแมวร้องเสียงดังเหมือนถูกตีดังมาจากจุดที่มีแสงสีแดงที่กำลังลอยขึ้นบนฟ้าและคล้ายว่ามีแมวสีดำลอยไปด้วย ความสูงประมาณ 20 เมตร ตนตกใจรีบวิ่งกลับที่กระท่อมและเข้าไปในหมู่บ้านไปเล่าให้ญาติฟังแต่ไม่มีใครเชื่อหาว่าตนพูดเล่น ด้านนายเล็ก สุเสนา อายุ 63 ปี ชาวบ้านอีกหนึ่งคนเป็นผู้ที่เห็นแสงสีแดงประหลาดดังกล่าวเช่นกัน โดยนายเล็ก ฯเล่าว่า ในคืนดังกล่าวตนเองก็เห็นแสงไฟประหลาดเหมือนกันซึ่งขณะนั้นตนเองนอนอยู่บ้านซึ่งในบริเวณบ้านตนเองได้เลี้ยงไก่ไว้ในเล้า พอเช้ามาเพื่อที่จะมาให้อาหารก็พบว่าไก่ในเล้านอนตายเกลือนแบบไม่ทราบสาเหตุหลาย 10 ตัว ต่อมาตนจึงนำไก่ที่ตายมาทิ้งบริเวณป่ามันสัมปะหลังซึ่งห่างจากจุดที่นายเอกชัยเห็นแสงประมาณ 100 เมตร แต่ช่วงนั้นเป็นเวลาค่ำมืดพอดีและต่อมาไม่นานตนก็เห็นแสงสีแดงคล้ายกับนายเอกชัยเห็นเช่นกันและลอยตัวผ่านมาทางกระท่อมของตน โดยตนเองมองเห็นแสงประหลาด และยังสังเกตุเห็นว่า บริเวณลำตัวคล้ายปีกค้างคาวบินมีความยาวของปีกแต่ละข้างประมาณ50-70 เซ็นติเมตร เมื่อเห็นดังนั้นตนเองก็ตกใจเหมือนกันคิดว่าเป็นตัวอะไร จึงแข็งใจยืนมองตามแสงที่ลอยอยู่บนฟ้า ทั้งยังลอยซ่ายไปมาจนที่สุดแสงประหลาดได้ดับหายเข้าไปในป่าไผ่ตลอดเช้า ต่อมาคนในหมู่บ้านก็เริ่มคุยถึงแสงประหลาดที่เห็นอยู่ต่อเนื่องมาเรื่อยๆและจะพบเห็นแสงดังกล่าวช่วงประมาณ 19.20 น. ซึ่งเวลานี้ชาวบ้านทุกคนต่างตื่นตระหนกและผวาว่าแสง ตลาดที่คนในหมู่บ้านเห็นนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นแสงของผีกระสือ หรือกระหังแน่นอน นายเล็ก กล่าว ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย.63 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นคือวันพระ ชาวบ้านได้ของให้ผู้สื่อข่าวได้ปักหลักเพื่อรอพิสูจน์ ดูแสงประหลาดดังกล่าวให้เห็นกับตา ตามที่ชาวบ้านได้เล่าให้ฟังว่าเท็จจริงประการใด จนเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ก็ได้พบกับแสงประหลาดปริศนาตามที่ชาวบ้านแจ้งโดยแสงดังกล่าวเป็นแสงสีแดงออกส้มนิดๆลอยเหนือพื้นดินประมาณ 12 เมตร โดยการลอยอยู่ไปมาในป่าไผ่แต่ไม่เคลื้อนไหวลอยนิ่งอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแสงปริศนาดังกล่าวก็หายไป ส่วนชาวบ้านที่เคยเห็นแสงประหลาดต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแสงนั้นแหละเป็นแสงขอผีกระสือแน่นอนอีกด้วย