ร้านข้าวต้มที่บุรีรัมย์ เร่งจัดโต๊ะ เก้าอี้ แบบเว้นระยะห่าง พร้อมอุปกรณ์ เครื่องแต่งกาย ตามข้อกำหนดคณะกรรมการโรคติดต่อ เตรียมเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานที่ร้าน ภายหลังจังหวัดประกาศปลดล็อคให้อาชีพค้าขายบรรเทาผลกระทบ เชื่อหากเปิดให้ลูกค้านั่งกินที่ร้านจะทำให้ยอดขายดีขึ้น วอนรัฐขยายเคอร์ฟิวออกไป 6 ทุ่ม เพื่อยืดเวลาให้สามารถค้าขายได้มากขึ้น
(29 เม.ย.63) ภายหลังจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกประกาศมาตรการ “เปิดบ้าน ปิดเมือง” โดยการผ่อนปรนให้เปิดตลาดนัด ถนนคนเดิน แต่ให้จำหน่ายเฉพาะอาหารสดอาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ และผลิตผลทางการเกษตร กลุ่มผู้ประกอบการรถเร่ ที่จำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงรส แต่ต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ และพักอาศัยในจังหวัดมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 14 วันและเข้ารับการตรวจร่างกาย หรือตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 และจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่ตลาดนั้นตั้งอยู่ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด รวมถึงผ่อนปรนการจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์หรือมีส่วนผสมแอลกอฮอล์ จัดให้มีที่นั่งภายในร้านและบริเวณใดๆ ของร้านเพื่อบริโภคลักษณะอาหารจานเดียว แต่ต้องดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยจะเริ่มดีเดย์วันที่ 1 พ.ค.ที่จะถึงนี้
ซึ่งจากการสำรวจตามร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มหลายๆ ร้าน ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ต่างก็มีการจัดเตรียมร้านรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะโต๊ะ เก้าอี้ ก็มีการจัดแบบเว้นระยะห่าง 2 เมตร พร้อมสั่งทำฉากกั้นระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และฉากกั้นระหว่างลูกค้าที่จะนั่งรับประทานอาหารตามโต๊ะภายในร้าน รวมถึงจัดเตรียมช้อนกลางส่วนตัวไว้สำหรับบริการลูกค้า ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่ทางคณะกรรมการโรคติดต่อกำหนด เพื่อเตรียมเปิดทำการค้าขายและให้ลูกค้าเข้าไปนั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้ ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ตามที่ทางจังหวัดได้ประกาศปลดล็อค
อย่างเช่น ร้านข้าวต้ม “ตั้งตรง” ร้านนี้ก็มีการเตรียมพร้อมทั้งเช็ด ล้างทำความสะอาด จัดโต๊ะเก้าอี้ สำหรับให้ลูกค้านั่งรับประทานแบบเว้นระยะห่าง 2 เมตร รวมถึงเตรียมเครื่องแต่งกายสำหรับพนักงานในร้าน เจลแอลกอฮอล์ล้างมือสำหรับบริการลูกค้า และอุปกรณ์อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อกำหนดไว้ในประกาศ เพื่อเตรียมเปิดให้ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารที่ร้าน วันที่ 1 พ.ค.
น.ส.จุฑารัตน์ ปริชาศุภมาศ ผู้จัดการร้านข้าวต้ม บอกว่า หลังจากมีสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด และมีประกาศงดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารที่ร้าน รวมถึงออกประกาศเคอร์ฟิว ก็ส่งผลกระทบกับการค้าขายเป็นอย่างมาก เพราะร้านข้าวต้มส่วนใหญ่จะเปิดตอนกลางคืน และลูกค้าจะนิยมนั่งรับประทานที่ร้าน ก็ทำให้ยอดขายลดลงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังต้องปรับเวลาจากเดิมที่เคยขายตั้งแต่เวลา 11.00 น.ถึงเที่ยงคืน แต่ทุกวันนี้ต้องขยับเวลาขายลดลงมาเหลือ 10 โมงเช้า ถึง 20.00 น.ทั้งปรับรูปแบบการขายเป็นใส่ถุงกลับไปกินที่บ้านอย่างเดียว
แต่หลังจากทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ได้ออกประกาศปลดล็อคให้ลูกค้าสามารถนั่งรับประทานที่ร้านได้ 1 พ.ค.นี้ ก็ดีใจและเร่งจัดเตรียมร้านเพื่อเปิดขายปกติ เพราะคิดว่าหากเปิดให้ลูกค้านั่งกินได้จะทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้ยังสับสนเรื่องการตรวจหาเชื้อโควิดที่ รพ. จะต้องเฉพาะเจ้าของร้าน หรือพนักงานทุกคนด้วย เพราะหากตรวจทั้งหมดก็ต้องกระทบแน่นอนเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจคนละ 500 บาท ทั้งที่ก็ขาดรายได้เดือดร้อนกันอยู่แล้ว
ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยงข้องพิจารณาด้วย และหากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาขยายเวลาเคอร์ฟิว ออกไปจาก 22.00 – 04.00 น.อยากให้ขยายออกไปเป็นเที่ยงคืนถึงตี 5 เพื่อจะได้ยืดเวลาค้าขายออกไป เพราะยังไม่รู้ว่ากลับมาเปิดขายคราวนี้จะมีลูกค้ามาอุดหนุนเหมือนเดิมหรือไม่



