สาวก่อสร้างส่งไลน์สั่งเสียอำลาแม่ ก่อนแขวนคอลาโลก เหตุเพราะน้อยใจสามีกินข้าวก่อน ไม่ยอมเรียกกินข้าว หลังมีปากเสียงต่อว่าต่อขานกัน สามีจึงเดินหนี เพราะคิดว่า หายโมโหภรรยาคงกลับเข้าห้องพัก แต่ที่ไหนได้ แม่สามีลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำถึงผงะ เจอร่างห้อยต่องแต่งกับขื่อหลังคาบ้านพักเสียชีวิตแล้ว ตำรวจ และญาติเชื่อเป็นการฆ่าตัวตายเอง เพราะก่อนตายส่งไลน์สั่งเสียอำลาแม่ที่อยู่บ้านต่างจังหวัด เวลา 22 .00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมยศ นิสัยดี รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำรอง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ)ว่าเกิดเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในแค้มป์คนงานก่อสร้างฟาร์มไก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านหนองน้ำขุ่น ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วงฯ หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพพบว่า ญาติได้ปลดเชือกนำศพลงมาแล้ว จากการชันสูตรพลิกศพพบว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นผู้หญิง ตรวจสอบหลักฐานบัตรประจำตัวทราบชื่อ นส.อรพรรณ คำจันทร์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ 5 ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี อาชีพเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ในฟาร์มไก่ของบริษัท อุดมทรัพย์ฟู๊ด จำกัด ใช้เชือกไนล่อนผูกวัวผูกลำคอกับขื่อโครงเหล็กหลังคาบ้านพักที่กำลังก่อสร้างเสียชีวิต ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จากการสอบปากคำนายอภิสิทธิ์ ศรีหานาท อายุ 24 ปี สามีของผู้ตายซึ่งมีอาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้างเช่นกันทราบว่า ก่อนหน้าที่จะพบศพ ตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่า แม่ของตนได้ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำก็พบว่า ภรรยาของตนใช้เชือกไนล่อนผูกคอตายแล้ว จึงรีบช่วยกันแก้เชือกนำศพลงมา ส่วนสาเหตุคาดว่า ภรรยาคงจะน้อยใจที่ตนกินข้าวก่อน ไม่ได้เรียกมากินข้าวด้วย จึงถูกภรรยาต่อว่า ตนเข้าไปง้อก็ถูกผลักและไล่ส่ง จึงปล่อยในภรรยานอนเล่นอยู่ที่เปลญวนคิดว่าเดี๊ยวหายโมโหคงเข้ามานอนเอง นายอภิสิทธิ์ สามีผู้ตายยังบอกอีกว่า ภรรยาเป็นคนขี้น้อยใจ ก่อนหน้าที่จะพบศพภรรยา ยังได้ส่งข้อความไปหาแม่ของตัวเองที่ จ.อุบลราชธานี ในทำนองน้อยใจขอลาตายอีกด้วย เบื้องต้นจากการปากคำให้การของสามีผู้ตายรวมทั้งญาติๆ ไม่มีใครติดใจสงสัยในสาเหตุการตาย และจากหลักฐานข้อความในโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเอง จึงมอบศพให้ญาตินำศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป