ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังที่มีคำสั่งประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินและสถานการ์เคอร์ฟิวที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ จึงได้มีการสั่งการให้ทางด้าน พ.ต.อ. สรวิศ มาอินทร์ ผกก.สส.ฯ จัดชุดนำกำลังพลออกหาข่าวและติดตามเพื่อปราบปรามกลุ่มแก็งยาเสพติด ที่แอบลักลอบขนลำเรียงผ่านพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ โดยมีพ.ต.ท.นิธิศ จารุกมลกุล รอง ผกก.สส.ฯ ,พ.ต.ท.ธวัชชัย จิตตรีธาตุ สว.กก.สส.ฯ และจนท.ปกครอง จนท.สภ.ภักดีชุมพล ได้ร่วมบูรณาการตั้งด่านสกัดคัดกรองไวรัส-จุดตรวจยาเสพติดบริเวณบริเวณป้อมตำรวจ สภ.ภักดีชุมพล ภ.จว.ชัยภูมิ (ด่านสกัดยาเสพติดวังใหญ่)จังหวัดชัยภูมิ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติด โดยใช้เส้นทางผ่านเข้ามาทางด้านอำเภอภักดีชุมพล พร้อมมีการใช้รถขนยาเสพติดจำนวนหลายคัน เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งด่านเพื่อกวดขันจับกุม จนกระทั้งพบรถต้องสงสัยได้ทำการเลี้ยวรถเข้าบริเวณร้านอาหารบ้านไร่ ชัยภูมิ ต.วังทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีพฤติการณ์เจตนาหลีกเลี่ยงการเข้าด่านตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบรถกระบะคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณหน้าร้านอาหารบ้านไร่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมองเห็นผู้ต้องสงสัยตามรายงานของสายลับ โดยทั้ง2คนมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและเข้าทำการขอตรวจค้น ผู้ต้องสงสัยจึงได้มีการขับรถกระบะพุ่งชนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นเพื่อเปิดทางหลบหนี และขับหลบหนีมุ่งหน้าผ่านเข้าจุดสกัดหลบหนี โดยพบรถผู้ต้องหาจอดลงในป่าข้างทางเพื่อหลบหนีก่อนที่จนท.จะเร่งติดตามมาอย่างใกล้ชิดและได้ออกติดตามเข้าไปในป่ากล้วย ในบริเวณหมู่บ้านวังใหญ่ ตำบลวังทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ
จนรุ่งเช้าผู้ต้องสงสัยได้โทรให้เพื่อนนำรถมารับอีกคันและได้ออกมาจากป่าก่อนที่จนท.จะซ้อนแผนด้วยการตั้งด่านสกัดอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผู้ต้องหาไม่สามารถหนีรอดได้อีกด้วยทราบชื่อต่อมาคือ 1.นายวิชิต หรือหนุ่ม นารอด จ.ชลบุรี 2. น.ส.ปวีณา หรือแอร์ ปราบพาล จ.ชัยภูมิ 3. นายหมู หรือหมู โสไคร จ.กาญจนบุรี 4. นายสยัมภู หรือนนท์ อิ่มแผ้ว จ.เลย
พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนกว่า 9,100เม็ด ปืนพกสั้น9มม.จำนวน1กระบอก ปืนพกสั้น.32 จำนวน1กระบอก และเครื่องกระสุน รถกระบะสภาพแต่งจำนวน2คัน เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบอีกครั้งก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



