วันที่ 26 เมษายน 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมการดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ขององค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร เพื่อสนับสุนการปฏิบัติการในสถานการณ์ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือ โควิด-19 โดยมี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวให้การต้อนรับ และเรืออากาศเอกนายแพทย์ อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวรายงาน โดยมี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 6 และ13 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ และผู้บริหารระดับสูงจากทุกหน่วยงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ มูลนิธิร่วมกตัญญู ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวเปิดงาน และมอบอุปกรณ์ป้องกัน การติดเชื้อ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน ให้กับตัวแทนมูลนิธิ 24 มูลนิธิ ได้แก่ ชุดPPE หน้ากากอนามัย ถุงคุลมเท้า ถุงมือ แอลกอฮอล์ และFace shield พร้อมกับให้โอวาทและให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน จากนั้นผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้สาธิตการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ อย่างถูกวิธี และร่วมปล่อยขบวนรถ ส่งมอบอุปกรณ์การป้องกันการติดเชื้อให้กับมูลนิธิทั่วประเทศ ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ ระบาดของโรคไวรัสโควิด19 เครือข่ายมูลนิธิ ถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานการแพทย์ฉุกเฉิน ที่อยู่ใกล้ชิด ให้ความช่วยเหลือประชาชนมากที่สุด ได้ช่วยเหลือนำส่งผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ การรับผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บอื่นๆที่ไม่ทราบว่าติดเชื้อนำส่งโรงพยาบาล หรือเก็บร่างผู้เสียชีวิต ทั้งติดเชื้อและไม่ติดเชื้อให้แก่ญาติ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด โดยทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติ ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษเพื่อตอบโต้ โควิด19 จำนวน 63 ทีมทั่วประเทศ โดยมีการอบรมเสริมสร้างทักษะความรู้ ในการป้องกันตัวเองให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งจัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อขณะปฏิบัติภารกิจ เพื่อเป็นทีมสำรองช่วยชุดปฏิบัติงานในสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ของไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่ไม่ควรไว้วางใจมากนักเพราะหลายประเทศยังประสบปัญหาการระบาดของโรคที่รุนแรง เชื่อว่าประเทศไทยยังต้องอยู่กับสถานการณ์นี้ไม่น้อยกว่า 2 ปี ทีม SCOT จะช่วยเสริมทีมการแพทย์ฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มความเข็มแข็งระบบการแพทย์และสาธารณสุขไทยในการต่อสู้กับโรคนี้”