ลดลงเรื่อยๆ "ศบค."เผยไทยติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย พร้อมยก 50 ราย เสียชีวิต เป็นบทเรียนอันมีค่า ระบุ "กทม."ตรวจเชิงรุก 1.8 พัน เจอรายเดียว ย้ำการ์ดอย่าตก ชี้บางประเทศน็อคติดเชื้อพุ่งหลักหมื่น ส่วน"ฮู" ระบุเชื้อไวรัสมรณะอยู่คู่โลกอีกนาน อึ้งเชื้อระบาดในแอฟริกา 3 เท่า ใน7วัน ขณะที่ทั่วโลกยังวิกฤติติดเชื้อสะสมพุ่ง 2,638,852 ราย เสียชีวิต184,248 ราย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 เม.ย.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้ 2,839 ราย ใน 68 จังหวัด ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดเสียชีวิตสะสม 50 ราย หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่มอีก 78 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 2,430 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 359 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นหญิงไทยวัย 78 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เข้ารักษาตัวที่ รพ.ในกทม.เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ด้วยอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ ต่อมาวันที่ 24 มี.ค.พบว่ามีไข้และปอดบวม จึงส่งตรวจหาเชื้อพบว่าเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.จากนั้น อาการแย่ลงจนกระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 21 เม.ย.จากการติดเชื้อในกระแสเลือด และระบบหายใจล้มเหลว โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 ราย ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สัมผัสกับผู้ป่วยเดิม 5 ราย กลุ่มที่ 2 คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย สถานที่ชุมชน 1 ราย อาชีพเสี่ยงทำงานสถานที่แออัด 2 ราย ตรวจก่อนทำหัตถการ 1 ราย กลุ่มที่ 3 การค้นหาเชิงรุก (Active Case Finding) ภูเก็ต 3 ราย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุกใน กทม. พื้นที่บางเขนและคลองเตย หาผู้ป่วยกลุ่มเฉพาะทั้งที่แสดงอาการ ไม่แสดงอาการ พบว่าหลังสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. ไล่ตรวจทุกวัน วันละหลายร้อยราย สูงสุด 350 ราย ตรวจรวมทั้งหมด 1,876 ราย พบแค่ 1 ราย อาจเป็นไปได้ว่าทุกท่านดูแลสุขภาพอย่างดี ตอนนี้เป็นโอกาสช่วงลงของเชื้อโรคนี้ ทำให้เจอน้อยลง แต่ไม่ได้หยุดแค่นี้ กทม.ต้องหาเพิ่มขึ้นอีก คือ สิ่งที่ สธ.ถือเป็นนโยบายในการปรับเปลี่ยนวิธีการค้นหาเชิงรุกมากขึ้น เพื่อควบคุมโรคนี้โดยเร็ว "ตั้งแต่ 17 มี.ค. เข้าเดือนที่ 4 เราทำหน้าที่กันได้อย่างดี การที่เราได้ 13 ราย ในวันนี้ เมื่อเทียบกับยอดติดเชื้อ 188 ราย เราทำคะแนนได้อย่างดี ขอย้ำว่าการ์ดอย่าตก มีบางประเทศน็อคไปแล้วที่กำลังจะพุ่งจากหลักพันเป็นหลักหมื่น อย่างไรก็ตาม 50 รายที่เสียชีวิต ถือเป็นบทเรียนอันมีค่าของเราทุกคน ที่ต้องเรียนรู้ถึงโรคนี้" ด้าน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) กล่าวเตือนถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดย ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส เปิดเผยว่า โลกยังต้องเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไปอีกนาน แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในภูมิภาคยุโรปตะวันตกจะเริ่มชะลอตัวลงก็ตาม แต่ปรากฏว่า ในภูมิภาคแอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ กลับมีแนวโน้มของการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อระบบการแพทย์ สาธารณสุข ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ที่ยังคงล้าหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีรายงานด้วยว่า พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงในอัตราร้อยละ 250 - 300 ในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น พร้อมกันนี้ ผอ.องค์การอนามัยโลก ยังได้แสดงความหวังด้วยว่า ประเทศสหรัฐฯ จะทบทวนเรื่องการระงับการให้เงินทุนสนับสนุนต่อองค์การอนามัยโลก ด้วยการกลับมาให้การสนับสนุนต่อดับเบิลยูเอชโออีกครั้ง เพื่อช่วยชีวิตประชาคมโลกเป็นประการสำคัญ ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ล่าสุด มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,638,852 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 184,248 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 722,039 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 849,092 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกัน ด้วยจำนวน 47,681 ราย