เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 เม.ย.63 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตราด ว่าที่ร้อยตรีพิเชียน ลิมป์หวังอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานรับมอบเอทิลแอลกอฮอล์ จำนวน 2,500 ลิตร จาก บริษัท ไทยเบฟเวอรเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมี นายสุทธิ์ศักดิ์ พิมพ์อรัญ ผู้จัดการภาคการขาย และคณะ เป็นผู้ส่งมอบ มีนายแพทย์บัญชา สรรพโส นายแพทย์สาธารณสุข จ.ตราด, เหล่ากาชาดจังหวัดตราด ร่วมรับมอบ นายสุทธิ์ศักดิ์ กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการแพร่เชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอรเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งท่านประธานกรรมการบริษัท คุณเจริญ และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รวมถึง คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เห็นว่า เอทิลแอลกอฮอร์มีความขาดแคลน และเป็นสิ่งที่หายาก จึงทำโครงการมอบเอทิลแอลกอฮอล์ ให้กับ 76 จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 2,500 ลิตร และได้ทำการส่งมอบไปหมดแล้ว และในส่วนจังหวัดตราด ซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายในภาคตะวันออกที่มีการส่งมอบวันนี้ เพื่อให้จ.ตราด เหล่ากาชาด และสาธารณสุขนำไปใช้ โดยทราบว่าทางไทยเบฟมีแผนการสนับสนุนจำนวนแอลกอฮอล์ล็อตที่สองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ สภากาชาดไทย นำไปแจกจ่ายให้แก่หน่วยบริการสาธารณสุข (กาชาดจังหวัด) ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส รวมถึงประชาชนทั่วไป 76 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ทางไทยเบฟได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะออกมาร้องขอให้เศรษฐีไทยได้ช่วยสังคม โดยทราบว่า ไทยเบฟได้ส่งมอบและกระจายไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้โดยตรง เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำไปใช้ประโยชน์ในการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งในกรุงเทพฯ และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ และได้มีการส่งมอบแล้วมากกว่า 500,000 ลิตร ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังมี โครงการไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว ที่ไปมอบผ้าห่มให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาวที่ทำมาทุกปี หรือการก่อสร้างโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ที่คุณหญิงวรรณา ได้สร้างใช้เงินหลายพันล้านบาท และเป็นโครงการต่อเนื่องด้วย นายสุทธิศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และต้องการเห็นประชาชนไม่เจ็บไม่ป่วย การช่วยเหลือสังคมเป็นหน้าที่คนในสังคมทุกคนรวมทั้งบริษัทด้วย และการที่ทางรัฐบาลห้ามจำหน่ายแอลกอฮอร์ ซึ่งทำให้รายได้ของบริษัทลดลงไป ไม่ใช่เรื่องทางบริษัทกังวล แต่ผู้บริหารมองว่า บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของสังคม รายได้ที่หายไปไม่มีคุณค่าไปกว่าประชาชนมีสุขภาพดี บริษัทได้คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด