วันที่ 22 เม.ย.เวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้รับมอบเครื่องสแกนใบหน้าและตรวจวัดอุณหภูมิ ยี่ห้อ HIP รุ่นCIF 712 พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1ชุด จากนายสุรพล ธนวณิชย์สกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทชอบใจ โฮลดิ้ง จำกัด ขอนแก่น ให้สำนัก งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ใช้ตรวจคัดกรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บุคลากรในวงงานรัฐสภา สื่อมวลชน และประชาชนผู้มาติดต่อราชการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะติดตั้ง ณ บริเวณชั้น1 อาคารรัฐสภา
โดยนายสุชาติ กล่าวว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19ในไทยจะลดลงเรื่อยๆ แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ เห็นได้จากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่พอหย่อนมาตรการต่างๆลง เชื้อโรคก็กลับมาใหม่ เรากลัวว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นในไทย จึงต้องวางมาตรการป้องกันให้ดี โดยเฉพาะบริเวณรัฐสภาที่มีคนเข้าออกจำนวนมาก จะย่อหย่อนไม่ได้ เพราะขณะนี้เชื้อยังไม่หมดไป ยิ่งถ้าอยากรีบเปิดสภาก็ต้องวางมาตรป้องกันให้ดี
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเร่งพิจารณาร่างพ.ร.ก.เกี่ยวกับการกู้เงิน และร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆนั้น ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพราะขณะนี้มีทั้งพ.ร.ก.และพ.ร.บ.ที่ต้องรีบทำโดยไม่ชักช้า เพื่อนำเงินจากส่วนต่างๆมาช่วย แต่การจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานหรือรองประธานสภา แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเป็นผู้เสนอ หรือสมาชิกทั้ง2สภาเข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ถ้าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็เปิดประชุมสมัยวิสามัญได้
นายสุชาติ กล่าวว่า หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คงนำเรื่องเกี่ยวกับพ.ร.ก.กู้เงินมาพิจารณาเป็นฉบับแรก ส่วนร่างพ.ร.บ.การโอนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆนั้น ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นจากประชาชนเรื่องผลกระทบต่างๆตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 แล้วหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน ว่าการจะเสนอกฎหมายใดๆเข้าสภาต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ก่อน
ส่วนระยะเวลาการพิจารณาพ.ร.ก.และพ.ร.บ. ต่างๆจะใช้เวลากี่วาระนั้น ยังไม่ได้คุยกัน เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามถ้าจะไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญ โดยรอเปิดประชุมสภาตามปกติในวันที่ 22พ.ค.นั้น คิดว่า การดำเนินการพิจารณากฎหมายคงไม่ช้า เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่นานจะเปิดประชุมสภาตามปกติแล้ว