เจอตัวแล้ว!"น้องชาย" เหยื่อกลุ่มชุดลายพราง ถูกอุ้มไปรุมกระทืบในฐานปฏิบัติการชั่วคราวในวัดแห่งหนึ่ง จ.นครพนม หลังบังคับให้สารภาพค้ายาบ้า เจ้าตัวแฉหมดเปลือกวิธีทรมานจนพี่ชายตาย จากกรณี นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี และน้องชาย คือ นายนัตพงศ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี อยู่หมู่ที่ 6 บ้านยางคำ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกชายสวมชุดลายพรางจำนวนหนึ่ง บุกเถียงนาในสวนยางพาราอุ้มไปสอบสวนเค้นหาความจริง ในฐานปฏิบัติการทหารชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดภาคอีสาน ที่ขอใช้พื้นที่บางส่วนของวัดกัณตะศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม เป็นฐานปฏิบัติการ เบื้องต้นกล่าวหาว่าพี่น้องคู่นี้ มีพฤติกรรมลักลอบขายยาบ้า โดยมีการรุมซ้อมเพื่อให้ยอมรับว่าเป็นผู้ค้า เป็นเหตุให้นายยุทธนาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 17 เม.ย.63 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต ว่า ช่วงเย็นของวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปเจอนายนัตพงศ์ลูกชายคนเล็กแล้ว โดยมีสภาพสะบักสะบอม เนื่องจากโดนกระทืบจนมีรอยเขียวช้ำตามร่างกายหลายแห่ง จึงรีบนำตัวมาส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ แพทย์ทำการเอกซเรย์พบว่ากระดูกชายโครงขวาหัก 2 ซี่ และเลือดจะแล่นไปท่วมปอด จึงรีบดูดเลือดที่คั่งออกมาเพื่อช่วยเหลือชีวิต หากช้าอาจเป็นอันตรายต่อผู้บาดเจ็บได้ หลังจากนั้นก็นำตัวมาพักฟื้น โดยมี นางป่าน ซ้ายซา อายุ 56 ปี ผู้เป็นแม่เฝ้าดูแลอาการของลูกชายอย่างใกล้ชิด นายนัตพงศ์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตามวันและเวลาดังกล่าว หลังจากกินข้าวกับพี่ชายอิ่มก็นั่งเล่นอยู่ในเถียงนา ปรากฏว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 กว่าคน กรูกันเข้ามา พร้อมล็อกตัวกดอยู่กับพื้น ถามว่าเอายาบ้าไปซ่อนไว้ที่ไหน ก็ตอบไปไม่มียาบ้า แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่เชื่อใส่กุญแจไพล่หลังนำตัวขึ้นรถยนต์ไปสอบสวนต่อที่ฐานในวัด โดยแยกตนกับพี่ชายอกไปซ้อมคนละจุด แต่สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ซึ่งชายชุดพรางรุมกระทืบตนกับพี่กลุ่มละ 7-8 คน โดยบังคับว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด ตนตอบไปเป็นแค่ผู้เสพ ซื้อมาจากคนในหมู่บ้าน และตอนนี้ก็ถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว "กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่เชื่อ ได้ทรมานต่างๆ เช่น ยกตัวขึ้นลอยสูง ก่อนจะทุ่มลงมากระแทกพื้น และรุมกระทืบไปที่หน้าอก ทั้งต่อยและเตะสารพัด เมื่อเป็นที่พอใจก็ปล่อยให้พักประมาณ 10 นาที แล้วกลับมากระทืบใหม่ ทำอยู่อย่างนี้ราว 1 ชั่วโมง จนผมและพี่ชายสลบเหมือด จึงลากมานอนกองรวมกันที่พื้น ผมรู้สึกตัวพบพี่ชายนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เรียกชื่อก็ไม่ขานตอบ กระทั่งมีชายชุดพรางเข้ามาดูเห็นพี่ชายนอนตาค้าง จึงออกไปบอกหัวหน้า และพากันนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นผมไม่ทราบว่าพี่ชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร" นายนัตพงศ์ เล่าต่อว่า ก่อนที่จะโดนกระทืบจนสลบ กลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำน้ำมากรอกใส่ปาก จำได้ว่าเป็นแอลกอฮอล์สำหรับใช้ฆ่าเชื้อ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย กระทั่งรุ่งเช้าบ่นว่าเจ็บซี่โครง ก็เอายาพาราเซตตามอลให้กิน แต่อาการไม่ดีขึ้น จนพ่อแม่มาเจอ ขณะนั้นมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ถึงโรงพยาบาลจึงรู้ว่ากระดูกซี่โครงหัก และเพิ่งรู้ว่าพี่ชายเสียชีวิตแล้ว ด้าน นางป่าน กล่าวต่อว่า ไม่กล้าบอกลูกชายคนเล็กกรณีพี่ชายถูกกระทืบจนตาย กลัวลูกจะเสียใจรออาการดีขึ้นค่อยบอก แต่เมื่อลูกรู้แล้วก็พยายามปลอบใจ เพราะหากลูกเป็นอะไรไปอีกพ่อแม่จะอยู่อย่างไร โดยวันที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นทหารของหน่วยทหารชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดภาคอีสาน ที่ขอใช้พื้นที่บางส่วนของวัดกัณตะศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.เป็นฐานปฏิบัติการ ได้ขอเจรจาเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน สภ.ธาตุพนม เมื่อบ่ายของวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนถามว่าลูกคนเล็กอยู่ไหน ถ้ามีชีวิตอยู่จริงต้องพาไปดู แต่กลุ่มทหารก็บ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ด้วยความร้อนใจจึงชวนญาติพากันไปที่ฐานปฏิบัติการณ์ในวัด ทหารจึงยอมนำลูกชายออกมาให้เจอกันในสภาพที่ถูกซ้อมสะบักสะบอม ตนขอร้องให้ทหารนำตัวไปส่งโรงพยาบาลก็อิดออด กระทั่งบอกว่าถ้าไม่พาลูกของตนไปก็จะนำขึ้นรถไปเองทหารจึงยอมนำส่งโรงพยาบาล