นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบร้ายแรงและเร็วมาก กระทบกันทุกคน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ต้องถือว่าประเทศไทยตั้งหลักได้ดี รัฐบาลควบคุมเหตุการณ์และแก้ปัญหาได้ดีมากแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกอาจช้าไปบ้าง หรือบางอย่างอาจไม่ได้ดังใจ จุดดีของคนไทยคือความสามัคคี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน พอรัฐบาลประกาศเดินหน้าควบคุม แก้ปัญหา เยียวยาให้ทุกภาคส่วน ประชาชนและภาคธุรกิจก็ออกมาช่วยกัน คนรวยกว่าก็ช่วยคนจนกว่า คนที่ไหวก็บริจาคช่วยสนับสนุนทางการแพทย์ และช่วยผู้ได้รับผลกระทบอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องแบบนี้ชาติอื่นสู้คนไทยไม่ได้เลย ทั้งนี้ในส่วนของ BEM เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐ บริจาคสับสนุนในด้านต่างๆ และดูแลประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่ เรานำมาตราการสุขอนามัยต่าง การควบคุมตรวจสอบมาใช้อย่างเข้มข้น เช่นที่รถไฟฟ้าต้องเพิ่มการทำความสะอาด มีการตรวจวัดไข้ผู้ใช้บริการ ขอให้สวมหน้ากากอนามัย พยายามลดการใช้เงินสดให้ใช้บัตรเติมเงินแทน สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วน ต้องยอมรับว่าลดลงมาก ตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ต่อเนื่องมา ช่วงเดือนมี.ค.ถึงปัจจุบัน จะหนักสุด คนใช้รถไฟฟ้าลดไปกว่า75% ส่วนทางด่วนประมาณ 55% ก็ต้องยอมรับว่ากระทบหนักรายได้หายไปทันที แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้ลด เราไม่มีการเลิกจ้างหรือลดคน มีแต่ดูแลให้พนักงานของเราแข็งแรงมีกำลังใจช่วยกัน พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่เราจ้างก็จ่ายเงินเดือนตามปกติไม่ได้เลิกจ้าง ดูแลเต็มที่ ผู้รับเหมา-supplierของเราใครกระทบเราก็ช่วย ทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพการให้บริการของเราต้องดี โดยส่วนตัวเชื่อว่าการที่รัฐจำกัดควบคุมการเดินทางเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะนานกว่านี้อีกสักนิดก็ต้องยอม รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ในส่วนของBEM รายได้ กำไรปีนี้ลดลงแน่นอน ต้องประเมินสถานการณ์อีกทีช่วง1-2เดือนนี้ แต่มั่นใจพอปัญหาจบ ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วนจะกลับมาเป็นปกติแทบจะทันที เพราะประชาชนต้องกลับมาเดินทาง ขณะที่ประเด็นที่ BEM ขอให้รัฐเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า-ทางด่วนลดลง สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เป็นเหตุสุดวิสัยที่กระทบกับทุกคน ทั้งประชาชน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ เดือดร้อนหมด รัฐบาลเดินมาถูกแล้ว ต้องประกาศให้ชัดว่าพร้อมเยียวยา ช่วยเหลือให้เต็มที่และเร็ว ให้ทั่วถึง อย่าเลือกปฎิบัติ ตรงนี้ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล ถ้ารัฐไม่ช่วยใครจะช่วย ถ้ารัฐไม่ช่วยก็เท่ากับเอาเปรียบประชาชนและภาคธุรกิจที่เสียภาษีให้ประเทศ ต่อไปภาคเอกชนไม่มั่นใจไม่กล้าลงทุนกับรัฐ ต่างชาติก็หนีหมด ส่วนBEM ต้องยอมรับว่ากระทบหนักจริง เราก็จำเป็นต้องแจ้งให้กทพ.และรฟม.ทราบตามหน้าที่ ตามสัญญา ไม่ใช่จ้องจะไปขอชดเชยทันทีโดยไม่มีเหตุผล อะไรที่เรารับได้ ช่วยได้ เราพร้อมช่วยเต็มที่ แต่ที่เหลือถ้าเกินกำลัง รัฐต้องช่วยในฐานะผู้ดูแล มานั่งหารือช่วยกัน มีวิธีเยอะแยะมากมาย