วันที่ 19 เม.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.พิเชฐ จันทร์ขำ, พ.ต.ท.ศราวุธ จันต๊ะวงค์, พ.ต.ท.ภัทรพล ปัทมวงศ์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ต.กฤษณะ เชิงยุทธ์ สว.กก.สนับสนุน ปรท.สว.กก.1 บก.ป. ว่าที่ ร.ต.อ.ธีรพงศ์ ตาบัวตูม ปรก.รอง สว.กก.1 บก.ป. ทำการจับกุมตัว Mr.Ricky (นายริกกี้ ) อายุ 72 ปี ชาว อินโดนีเซีย ในข้อหา ยักยอกทรัพย์ ตามหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ 68/2563 ลงวันที่ 13 เม.ย.63 ได้ที่บริเวณลานจอดรถ ถนน รัชดา-รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กทม.
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.62ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดําเนินคดี กับนายริกกี้
ชาว อินโดนีเซีย ผู้ต้องหา ในความผิดฐานยักยอก เนื่องจากเมื่อวัน 25 พ.ย.62 ผู้ต้องหา ได้ชักชวนผู้เสียหายให้มาลงทุน ซื้อเหล็กจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้เสียหายได้มอบเงินจำนวนทั้งสิ้นกว่า 10,000,000 บาท ให้นายริกกี้ นําเงินดังกล่าวไปแลกเป็นเงินยูโร (สกุลเงินต่างประเทศ) เพื่อนํามาลงทุนซื้อเหล็ก ในประเทศมาเลเซีย โดยผู้เสียหายและนายริกกี้ ได้เดินทางไปซิ้อเหล็กที่ประเทศมาเลเซียด้วยกัน พร้อมกับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปด้วยแต่ทางโรงงานที่มาเลเซีย แจ้งว่าขายเหล็กไปแล้วจึงทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถซื้อเหล็กที่โรงงานได้
จึงเดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อกลับมาถึง ผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินให้นายริกกี้ เพื่อนําไปแลกเป็นเงินบาท แล้วโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย แต่นายริกกี้ ได้โอนเงินคืนให้ผู้เสียหายเพียง 150.000 ยูโร หรือ 5 ล้านกว่าบาท ไทยเท่า นั้น โดยนายริกกี้ อ้างว่าอัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีจึงแลกเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้บอกให้นายริกกี้ นําเงินส่วนที่เหลือ 235.000 ยูโร หรือ 4.200.000 บาท แลกเป็นเงินบาทแล้วโอนคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งนายริกกี้ แจ้งว่าจะโอนคืนให้ภายในวันที่ 13 ธ.ค.62 แต่เมื่อถึงวันไม่นําเงินไปแลกและไม่โอนเงินคืนให้ผู้เสียหายหลังจากนั้นผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อนายริกกี้ ได้อีกจึงเชื่อว่านายริกกี้ มีเจตนายักยอกเงิน จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดําเนินคดี
ต่อมา ผู้เสียหายได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนหาเบาะแส เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายริกกี้ อยู่ที่ลานจอดรถ ย่านถนน รัชดา-รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้แสดงตัวจับกุม นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดี สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
จึงเดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อกลับมาถึง ผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินให้นายริกกี้ เพื่อนําไปแลกเป็นเงินบาท แล้วโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย แต่นายริกกี้ ได้โอนเงินคืนให้ผู้เสียหายเพียง 150.000 ยูโร หรือ 5 ล้านกว่าบาท ไทยเท่า นั้น โดยนายริกกี้ อ้างว่าอัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีจึงแลกเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้บอกให้นายริกกี้ นําเงินส่วนที่เหลือ 235.000 ยูโร หรือ 4.200.000 บาท แลกเป็นเงินบาทแล้วโอนคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งนายริกกี้ แจ้งว่าจะโอนคืนให้ภายในวันที่ 13 ธ.ค.62 แต่เมื่อถึงวันไม่นําเงินไปแลกและไม่โอนเงินคืนให้ผู้เสียหายหลังจากนั้นผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อนายริกกี้ ได้อีกจึงเชื่อว่านายริกกี้ มีเจตนายักยอกเงิน จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดําเนินคดี
ต่อมา ผู้เสียหายได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนหาเบาะแส เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายริกกี้ อยู่ที่ลานจอดรถ ย่านถนน รัชดา-รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้แสดงตัวจับกุม นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดี สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ