ธุรกิจประกันชีวิตดิ้นหนีตาย ขอคปภ.ยืดระยะเวลาประกาศใช้หน้าตารางมรณะธุรกิจที่ปรับลดเบี้ยประกันลงและจะใช้ดีเดย์ 1 ม.ค.นี้ออกไปก่อน หวั่นซ้ำเติมประกันชีวิตไปไม่รอด เหตุยังซมพิษดอกเบี้ยพันธบัตรวูบ ผนวกกับกฎเหล็กRBCเฟสสอง และมาตรฐานบัญชีเฟสสองจ่อคอหอย แหล่งข่าวจากสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของนางนุสรา (อัสสกุล)บัญญัติปิยพจน์ นายสมาคมฯได้เดินทางเข้าแนะนำตัวต่อดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) โดยทั้งคณะผู้บริหารและเลขาฯคปภ.ได้มีการพูดคุยกันนอกรอบอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทางฝั่งคปภ.ได้สอบถามถึงประเด็นที่ภาคธุรกิจอยากจะให้คปภ.ทำในอะไรบ้าง ก็ขอให้บอกมา ทั้งนี้ปรากฎว่า ทางฝั่งสมาคมฯได้เสนอไปว่า อยากจะขอให้คปภ.ยืดระยะเวลาในการใช้หน้าตารางมรณะที่กำลังจะปรับใหม่ออกไปก่อนจากที่คปภ.มีนโยบายจะให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค.60 นี้ เนื่องจากเกรงว่าหากนำอัตราตารางมรณะตัวใหม่ทันใด ก็จะส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับลดเบี้ยประกันลงมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทประกันชีวิตตามมาอย่างแน่นอน โดยเห็นว่าควรจะกลับไปยึดใช้หลักเกณฑ์ปฎิบัติที่ผ่านมาปรับทกๆ 10 ปีครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เพิ่งจะปรับไปและยังไม่ถึง 5 ปีเอง จึงไม่ควรจำเป็นต้องรีบเร่งดำเนินการเรื่องนี้ก็ได้ โดยเฉพาะสถานการณ์เวลานี้คงไม่เหมาะ เพราะทั้งภาพรวมธุรกิจกำลังประสบปัญหาผลกระทบในเรื่องตัวดอกเบี้ยพันธบัตรที่ดิ่งลดลง และยังไม่มีวี่แววผงกหัวขึ้น ทำให้ธุรกิจแย่พออยู่แล้ว รวมไปถึงมาตรฐานบัญชีใหม่ที่ใช้ในเฟส 1 ออกมาก็ทำให้แต่ละบริษัทต้องตั้งสำรองสูงอีกด้วย ยิ่งหากในเร็วๆวันนี้มีการนำกฎเหล็กการดำรงเงินกองทุนRBC เฟสสองมาใช้กำกับ ตลอดจนมาตรฐานบัญชีเฟสสองที่จะเข้ามาใช้อย่างจริงจังในปี 62-63 โดยไม่ใช่ค่าเฉลี่ย 8 ไตรมาส แต่ใช้อัตราคิดลดสะท้อนความเป็นจริงตลาดด้วยแล้ว บริษัทประกันขนาดเล็กคงจะเดือดร้อนและอยู่ลำบาก หากเพิ่มทุนไม่ได้ ก็อาจจะควบรวมกิจการกันเองเพื่อหนีตายอย่างแน่นอน “ไม่อยากให้คปภ.ไปฟังคอมเม้นท์ใครมา แล้วคิดว่า เบี้ยประกันบ้านเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการที่เบี้ยแพงมันมาจากหลายปัจจัย อย่างบางประเทศเช่นสิงคโปร์ อัตราตารางมรณะเขาต่ำวก่าประเทศเราอยู่แล้ว และอินเวสต์เมนท์รีเทิรน์ ของเขาก็ดีกว่าบ้านเราเยอะ หากไปเทียบกันระหว่าง2ประเทศคือไทยกับสิงคโปร์ บ้านเราอาจแพงไป ก็เพราะเหตุนี้ ดังนั้นคงจะนำมาเทียบกันไม่ได้” แหล่งข่าวรายนี้กล่าวและว่า โดยทางเลขาฯคปภ.ได้รับประเด็นนี้ไว้พิจารณา โดยได้รับปากจะขอไปดูเรื่องนี้อีกที ขณะที่ประเด็นนี้ทางผู้บริหารคปภ.บางรายได้ตอบไปว่า คงไม่ได้ หากจะเลื่อนออกจากประกาศใช้วันที่ 1 ม.ค.60เป็น31 ธ.ค.60 ก็อาจพอมีทางเป็นไปได้มากกว่า