จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มขยายพื้นที่การระบาดออกไปในวงกว้าง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก จะทำให้บรรยากาศในช่วงปิดเทอมปีนี้ของเด็กและเยาวชนไทยเปลี่ยนไป โปรแกรมต่างๆ ที่เคยถูกวางแผนกับครอบครัว หรือแม้แต่โครงการ รวมไปถึงกิจกรรมดีๆ ที่หลายองค์กรจะจัดขึ้นเพื่อให้พวกเขาได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมอย่างมีคุณค่า ในการพัฒนาศักยภาพตนเอง ก็ต้องถูกยกเลิก-เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยเฉพาะกิจกรรม “ปิดเทอมสร้างสรรค์” ที่ทาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. รวมกับภาคีเครือข่ายทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ จัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงัก เพราะข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย แม้กิจกรรมดีๆ เวทีหรือพื้นที่สร้างสรรค์ต่างๆ จะต้องถูกยกเลิกทั้งหมด แต่เยาวชนส่วนหนึ่งกลับไม่อยู่นิ่งเฉย และขอใช้เวลาว่างที่มีอยู่ บวกกลับพลังกายและพลังใจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในชุมชน จังหวัด และประเทศไทยนั้นคลี่คลายไปโดยเร็ว กลุ่มเยาวชนบ้านบุ่ง ต.ภูวง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร และ กลุ่มเยาวชนเด็กฮักถิ่น บ้านกลาง ต.โพนแพง อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เดิมทีทั้งสองพื้นที่ต่างก็มีแผนการดำเนินงานในช่วงปิดเทอมด้วยการทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงปัญหาของชุมชน และการทำงานด้านอาสาสมัครต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้ “โครงการฮักบ้านเกิด ความสุขอยู่ที่บ้านเรา” แต่การแพร่ระบาดชองเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พวกเขาได้ปรับแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยรวมตัวกันและชักชวนผู้นำชุมชนในท้องถิ่น ให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเกิดความตระหนักในการเฝ้าระวัง ป้องกันดูแลตนเองและสุขอนามัยต่างๆ ให้ห่างไกลจากโรค และสอนวิธีการล้างมือที่ถูกต้องให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ และสมาชิกคนอื่นๆ ในชุมชน เช่นเดียวกับ กลุ่มเด็กแว้นจิตอาสาบ้านก่อ ต.หนองสนม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ที่รวมตัวกันไปให้ความรู้การล้างมือที่ถูกต้องให้คนเฒ่าคนแก่ที่มาวัดในวันพระ นอกจากนี้ยังร่วมกับสมาชิกในชุมชน ร่วมกันทำความสะอาดศาลาวัดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยกลุ่มเด็กแว้นจิตอาสา ยังขอเป็นแกนนำหลักในการช่วยกระจายน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยอาสาขี่รถจักรยานยนต์ไปรับขวดเปล่าจากทุกๆ บ้าน เพื่อมามาบรรจุน้ำยาแล้วนำไปให้ชาวชุมชน 360 หลังคาเรือน เพื่อใช้ในการทำความสะอาด พร้อมกับมีไอเดียในการชักชวนคนในชุมชนทำอ่างล้างมือที่หน้าบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในชุมชน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้ถูกขยายผลไปใช้ในพื้นที่ บ้านกลาง ต.โพนแพง, บ้านดงมะกุ้ม ต.โพนงาม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร, บ้านบุ่ง ต.ภูวง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร และ บ้านก้อม ต.หัวเสือ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง โดยมีกลุ่มแกนนำเยาวชนจิตอาสาในแต่พื้นที่ร่วมกับผู้นำชุมชนในการดำเนินงาน นายธนภัทร แสงหิรัญ หัวหน้าโครงการฮักบ้านเกิด ความสุขอยู่ที่บ้านเรา "ชุมชนเยาวชนสร้างสรรค์ สร้างการมีส่วนร่วมสู่การเปลี่ยนแปลง" กล่าวว่า ตอนนี้เรากำลังร่วมกันสื่อสารเพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็ก เยาวชน และคนในชุมชน ได้เข้าใจถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม และเห็นคุณค่าในตนเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในชุมชน “สิ่งที่เรากำลังทำมันมีมากกว่าการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคการทำสบู่หรือสอนการล้างมือ แต่คือเรากำลังพ่นสี...นั่นคือสีแห่งการเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชน เรียนรู้การทำกิจกรรมเพื่อชุมชน เราพ่นสี...พื้นที่สร้างสรรค์และมีส่วนร่วมให้เด็ก เยาวชนร่วมส่วนหนึ่งในความรักและเป็นเจ้าของชุมชน เรากำลังพ่นสี...จิตสำนึกสาธารณะให้กับเด็กและเยาวชนในการเป็นพลเมืองที่มีคุณค่า รับผิดชอบต่อสังคม และเรากำลังพ่นสี...การเติบโตทางความคิดให้เด็ก เยาวชนเห็นคุณค่าในตนเอง โดยใช้สถานการณ์ของโควิด-19 เป็นโอกาสในการปลูกฝังจิตสาธารณะและสำนึกรักบ้านเกิดให้กับเด็กๆ ” เช่นเดียวกับที่จังหวัดยะลา ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง และมีปัญหาความไม่สงบในพื้นที่คอยซ้ำเติม แต่กลุ่มเด็กและเยาวชนจาก สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) ที่ถึงแม้กิจกรรมสร้างสรรค์ในช่วงปิดเทอมของพวกเขาจะโดนเท แต่ก็ไม่ท้อ และอยากใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอม “อยู่บ้านเพื่อชาติ” ในการมีส่วนช่วยเหลือทีมแพทย์และพยาบาลที่ต้องเสียสละทำงานอย่างหนัก “มีแรงอยากช่วย เราทำอะไรได้บ้าง” เป็นชื่อกิจกรรมง่ายๆ ที่พวกเขาช่วยกันระดมแรงและระดมเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อจัดทำ “Face shield” หรือ “หน้ากากป้องกันละอองเชื้อโรค” เพื่อส่งมอบให้กับให้กับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมไปถึงทหารหญิง ที่ต้องทำงานหนักในโรงพยาบาล ตามท้องถนนและชุมชน ซึ่งมีความเสี่ยงกว่าคนทั่วๆ ไปที่อยู่ที่บ้าน เพราะ Face Shield เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเข้าสู่ดวงตา จมูก ปาก และเป็นวิธีการรับมือโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุดในขณะนี้ นายซาหดัม แวยูโซ๊ะ แกนนำเด็กและเยาวชนลูกเหรียง กล่าวว่า น้องๆ ลูกเหรียงทุกคนมีความตั้งใจในการทำหน้ากากป้องกันละอองเชื้อโรค เป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันมีหน้ากากฯ ที่ทำสำเร็จและส่งมอบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วมากกว่า 5 พันชิ้น ซึ่งตอนนี้เราได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากภาคประชาชน ช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถที่จะผลิตได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งต่อหน้ากากให้กับพื้นที่อื่นๆ ได้อีกด้วย “สิ่งที่น้องๆ บ้านลูกเหรียงกำลังทำอยู่นี้ เป็นหนึ่งเครื่องมือ และเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่น้องๆ ทุกคนตั้งใจผลิต Face Shield เพื่อช่วยพี่ๆ คุณหมอ พยาบาล พี่ๆ ทหารหญิง ที่กำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกๆ คน หลายคนตั้งใจทำกันตั้งแต่เช้าจนดึก และพวกเราทุกคนขอขอบคุณที่ช่วยให้พวกเราได้ทำอะไรเพื่อสังคม และขอผลบุญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในครั้งนี้ ส่งผลให้พี่ๆ ทุกคนผ่านพ้นอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย” ส่วนหนึ่งของพลังกายและพลังใจของเด็กและเยาวชน ที่อยากทำให้การปิดเทอมของพวกเขาเป็นปิดเทอมที่มีคุณค่าและมีคุณประโยชน์ต่อสังคม แม้จะไม่ได้ทำอะไรที่สนุกๆ แต่พวกเขาก็มีความสุขจากการได้ใช้เวลาและโอกาสที่มีในช่วยเหลือคนอื่นๆ ในสังคม ซึ่งจะยิ่งมีความสุขมากถ้าแรงใจและแรงกายอันน้อยนิดของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยและคนไทยก้าวผ่านปัญหาไวรัสโควิด-19 ไปได้อย่างปลอดภัย.