วันที่ 12 เม.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์ พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.3 บก.ป. และพ.ต.ต.พิเชต ชมมณฑา สว.กก.3 บก.ป. ร.ต.อ.โกญจนารถ ชาวยามกา, ร.ต.อ.ปริญญกรณ์ พยัคฆ์ทอง รอง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมตำรวจ สภ.เมืองบึงกาฬ ตำรวจ กก.สส.ภ.จ.บึงกาฬ และ เจ้าหน้าที่ ศรภ บก.ทท. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิชาติ หรือหมี อายุ 43 ปี โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”ได้ที่ข้างบ้านบึงกาฬใต้ ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ
สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราบ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาเสพติด และทำการสืบสวนขยายผล ทราบว่า นายอุทัย (สงวนนามสกุล) ที่เพิ่งพ้นโทษออกมา มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดกับกลุ่มค้ายาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้ลักลอบค้ายาเสพติดอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และได้ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดคนไทยตามแนวชายแดนฝั่งประเทศไทยพื้นที่ จ.บึงกาฬ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการวางแผนล่อซื้อจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยสายลับได้ติดต่อกับนายอุทัยฯ ทางโทรศัพท์ และทางเฟซบุ๊ก ชื่อ “ต่าย ยาซะ” ว่าจะนำยาบ้าจำนวน 10 มัด หรือ 20,000 เม็ด ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของนายอุทัยฯ ในพื้นที่ จ.สกลนคร ซึ่งนัดหมายให้ไปรับยาเสพติดที่บ้านผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. จึงได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อทำการวางแผนจับกุม โดยในวันที่ 10 เม.ย.63 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการดักซุ่มอยู่บริเวณบ้านผู้ต้องหา จนกระทั่งสายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวและทำการจับกุมตัว
จากการตรวจสอบห่อยาบ้าที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกทั้งหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 20,096 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาวขุ่น น้ำหนัก 6.42 กรัม และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำปัสสาวะของผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ผลการตรวจ พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหา
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่ายาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าวเป็นของตน โดยก่อนเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากนายอุทัยฯ และทางไลน์ ว่าจ้างให้ตนเป็นคนนำยาบ้ามาส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด โดยให้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 – 10,000 บาท ลักษณะแบ่งจ่ายเงินค่าจ้างเป็นงวด ซึ่งในวันที่ 8 เม.ย.63 ประมาณ 20.00-21.00 น. นายอุทัยฯ ได้ให้คนนำยาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าวมาส่งให้กับตนที่บ้านหลังเกิดเหตุ และเก็บไว้ที่บริเวณข้างบ้าน เพื่อให้ตนนำยาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าว ส่งต่อให้อีกทอดหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการวางแผนล่อซื้อจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยสายลับได้ติดต่อกับนายอุทัยฯ ทางโทรศัพท์ และทางเฟซบุ๊ก ชื่อ “ต่าย ยาซะ” ว่าจะนำยาบ้าจำนวน 10 มัด หรือ 20,000 เม็ด ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของนายอุทัยฯ ในพื้นที่ จ.สกลนคร ซึ่งนัดหมายให้ไปรับยาเสพติดที่บ้านผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. จึงได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อทำการวางแผนจับกุม โดยในวันที่ 10 เม.ย.63 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการดักซุ่มอยู่บริเวณบ้านผู้ต้องหา จนกระทั่งสายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวและทำการจับกุมตัว
จากการตรวจสอบห่อยาบ้าที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกทั้งหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 20,096 เม็ด และยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาวขุ่น น้ำหนัก 6.42 กรัม และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำปัสสาวะของผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ผลการตรวจ พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหา
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่ายาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าวเป็นของตน โดยก่อนเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากนายอุทัยฯ และทางไลน์ ว่าจ้างให้ตนเป็นคนนำยาบ้ามาส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด โดยให้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 – 10,000 บาท ลักษณะแบ่งจ่ายเงินค่าจ้างเป็นงวด ซึ่งในวันที่ 8 เม.ย.63 ประมาณ 20.00-21.00 น. นายอุทัยฯ ได้ให้คนนำยาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าวมาส่งให้กับตนที่บ้านหลังเกิดเหตุ และเก็บไว้ที่บริเวณข้างบ้าน เพื่อให้ตนนำยาบ้าและยาไอซ์ของกลางดังกล่าว ส่งต่อให้อีกทอดหนึ่ง