นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทวางเป้ายอดขายไว้ที่ 29,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของโครงการแนวราบ 55% และคอนโดมิเนียม 45% ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปีคาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ 19,500 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการขายในช่วงไตรมาสแรกของปีประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เข้าส่งผลกระทบต่อการขายบ้างในช่วงเดือนมี.ค. แต่ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมายอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น จากกลุ่มบ้านแนวราบ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ที่ตอบโจทย์กลุ่ม Real Demand ขณะที่การออกแคมเปญ "โปรลื่นปรื้ด" ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการขายได้เป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายรวมในช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส2 ภาพรวมยังมีนัดลูกค้าเข้ามาชมโครงการอยู่ต่อเนื่อง ขณะที่ช่องทางขายออนไลน์ยังคงทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมกันนี้จากความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และความเข้าใจใน Customer Insight บริษัทยังได้เปิดตัวแคมเปญในช่วงไตรมาส 2 “แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือน” เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สบายใจได้นานตลอดระเวลา 2 ปี และสามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นได้ เพราะแสนสิริผ่อนให้ ทั้งต้น ทั้งดอก นานสูงสุด 24 เดือน ครอบคลุมถึง 62 โครงการพร้อมอยู่ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอดีๆ อีกมากมาย อาทิ ฟรีค่าส่วนกลางนานสูงสุด 1 ปีพร้อมรับ Give Voucher สูงสุด 100,000 บาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และฟรีค่าส่วนกลางนาน 2 ปี สำหรับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จากแสนสิริ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ตั้งแต่ 3 เม.ย. อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแคมเปญดังกล่าวเชื่อว่าจะมีส่วนทำให้ยอดขายในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปีจะอยู่ที่ 18 โครงการ มูลค่ารวมอยู่ที่ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท และทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจคต์อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ดีขึ้น คาดว่าจะมีการปรับแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่ม เนื่องจากมีที่ดินรองรับไว้แล้ว ด้านแผนไตรมาส 2 นี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่แนวราบอยู่ที่ 4 โครงการ บน 3 ทำเล คือ กรุงเทพกรีฑา รามอินทรา และวัชรพล มูลค่าโครงการรวม 14,100 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบแบรนด์เศรษฐสิริ และบุราสิริ ระดับราคา 7–20 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 มูลค่า 3,500 ล้านบาท, โครงการเศรษฐสิริ พหล-วัชรพล มูลค่า 3,700 ล้านบาท, โครงการบุราสิริ วัชรพล มูลค่า 3,400 ล้านบาท และโครงการบุราสิริ ปัญญาอินทรา มูลค่า 3,500 ล้านบาท