นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij ระบุว่า... 3 พรก.1 พรบ.สำคัญทางการเงิน มติครม.ประวัติศาสตร์สู้โควิด! . หลังจากได้ฟังคำชี้แจง หลักการของรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย ผมขอเสนอความเห็นเพื่อช่วยกันคิดเพิ่มเติมจากที่ได้นำเสนอไปแล้วตามนี้ครับ . 1) พรก.SoftLoan ช่วย SME เป็นการใช้กลไกของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นประโยชน์แน่นอนกับลูกค้าของธนาคาร แต่ต้องกำกับให้ไปถึงผู้ประกอบการขนาดเล็กให้ได้ ซึ่งบางรายมีวงเงินกับธนาคารน้อย หรือไม่มีการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์เลย . 2) พรก.รับซื้อพันธบัตรเอกชน เรื่องนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังเป็นอย่างดีในส่วนของแบงค์ชาติครับ ท่านมีความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการหรือธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่า: 1. บริษัทที่ขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ จะต้องชำระอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราตลาด 2. ต้องระดมทุนส่วนใหญ่ได้จากแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้เงินธนาคารพาณิชย์หรือการเพิ่มทุน 3. ต้องมีแผนการจัดหาทุนในระยะยาวที่ชัดเจน รวมทั้งต้องผ่านเกณฑ์และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับกองทุนกำหนด 4. หากผู้ออกตราสารหนี้เสนอขายตราสารหนี้ต่อนักลงทุนทั่วไปและมีการให้หลักประกันแก่ผู้ถือ ตราสารหนี้ที่กองทุน BFS จะลงทุนในคราวเดียวกันต้องมีหลักประกันไม่ด้อยกว่าหลักประกันที่ให้แก่ผู้ถือตราสารหนี้อื่น . ตามกติกาดังกล่าวนี้ ผมมองว่าสมเหตุสมผลดีขึ้นมากครับ . 3) พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน แบ่งเป็นสองส่วนคือ 600,000 ล้าน ยิงตรงประชาชน เป็นเม็ดเงินที่เหมาะสมและจำเป็น เพียงแต่ต้องถึงมือประชาชนที่เดือดร้อนทุกคนอย่างรัดกุม ทั่วถึง และเป็นธรรม . ส่วนที่สอง 400,000 ล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ผมขอสงวนความเห็นเพราะยังไม่เห็นแผน สมัยปี 53 ที่เราจำเป็นต้องกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นั้นเรามีแผนไทยเข้มแข็งรองรับการกู้ทันทีถึงรายละเอียดของการใช้เงิน และหากแผนไม่ชัด จะเกิดความกังวลว่า เป็นการใช้ในโครงการราชการต่างๆ ที่เดิมควรอยู่ในระบบงบประมาณปกติ (ที่ตรวจสอบได้) มากกว่าหรือไม่ . 4) พรบ.โอนงบปี 63 ดูเหมือนขาดความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง! จากข่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะมีการโอน 20% เพื่อให้ได้งบประมาณ 640,000 ล้าน เหลือแค่จะโอนเพียง 80,000-100,000 ล้าน และยังไม่ได้ระบุว่า งบส่วนนี้จะนำไปใช้อย่างไร . นอกจากนี้ยังมีประเด็นของแบงก์ชาติ ที่ระบุถึงการเลื่อนกำหนดการชำระหนี้ทั้งต้นและดอกสำหรับ SMEs 6 เดือนเพื่อต่อลมหายใจ ในทางปฏิบัติตรงนี้ SMEs รอคอยมานานมากเพราะปัญหาในทางปฏิบัติที่ผ่านมาล่าช้า และทำให้ต้องแบกรับภาระทางการเงินจนอาจต้องปิดกิจการ วันนี้ในเมื่อ แบงก์ชาติมีคำสั่งออกมาแบบนี้แล้ว ธนาคารพาณิชย์จึงควรสับคัทเอาท์ต้นและดอกทันที !