ตามคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 41/2557 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยให้ทุกหน่วยเร่งปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดเพื่อลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวมและมติที่ประชุมมาตรการเร่งด่วนในการปราบปรามและการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2559 โดย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.กระทรวงยุติธรรม ประธานในการประชุมได้บัญชาให้ทุกหน่วยงานบูรณาการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดรอบด้าน รวมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติ
สำนักงาน ป.ป.ส., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองทัพบก, สำนักงาน ปปง., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กรมศุลกากร, ศอ.ปส.มท. และ DEA ได้ร่วมกันบูรณาการปฏิบัติการตามแผน “ชัยยะสยบไพรี 60/4” ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยมีหน่วยร่วมปฏิบัติ ดังนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปส.1), พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส., พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภาค 7 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง และ พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ทีฆโชติ สุวรรณาคม ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส. พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส. พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.พีระพงศ์
วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.หนองคาย พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น
พล.ต.ต.ธนยินทร์ เทพรักษา ผบก.ภ.จว.เชียงราย พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผบก.ภ.จว.ลำปาง พล.ต.ต.วินิจ พัวพันธ์ ผบก.ตชด.ภาค 2 พล.ต.ต.มนต์ชัย เรืองจรัส ผบก.ตชด.ภาค 3 พ.ต.อ.กิตติ สำเภาทอง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมบัติ บุญโสภา ผกก.ตชด.24 พ.ต.อ.อานันทพงศ์ เชิดเกียรติกุล รอง ผบก.ปส.4/หน.สง.ผบช.ปส. พ.ต.อ.สมเกียรติ วรรณสิริวิไล รอง ผบก.อก.บช.ปส./หน.บก.สน.ฯ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ชัยรัตน์ อู่พิทักษ์ รอง ผกก.ตชด.24, หน่วยบินตำรวจ,
กองบังคับการปราบปราม, ภ.จว. นราธิวาส, ภ.จว.ยะลา, ภ.จว.ปัตตานี, สภ.กรงปินัง, สภ.สุไหงปาดี สภ.ตากใบ, สภ.งาว, สภ.เชียงแสน, ตชด.32 และ บก.สส.ศชต.
สำนักงาน ป.ป.ส. นำโดย นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ที่ปรึกษาด้านป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด นางนฤมล ช่วงรังษี นายนิยม เติมศรีสุข และนายพิภพ ชำนิวิกัยพงศ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด นายพงษ์ธร พัฒนภักดี ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สิน นายพิสุทธิ์ ภู่เงิน ผอ.ปปส.ภาค 4 นายธนากร คัยนันท์ ผอ.ปปส.ภาค 7 และนายสุรพล ภัทรปกรณ์ ผอ.ปปส.ภาค 9 สำนักงาน ปปง. นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. นางชลธิชา ดาวเรือง ผู้อำนวยการกองคดี 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง พ.ต.ท.วัฒนา ศิริสูงเนิน ผอ.ศอ.ปส. กองทัพบก นำโดย พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.ธนา จารุวัต มทน.3/ผอ.ศอ.ปส.ชน. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศรภ. พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผบ.กกล.ผาเมือง พล.ต.สมชาติ แน่นอุดร ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พล.ต.อนุรักษ์ ทับคล้าย หน.ศูนย์ข่าวยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 พ.อ.ณรงค์ สวนแก้ว เสธ.กกล.ผาเมือง พล.ท.โภชน์ นวลบุญ ผอ.สขว.กอ.รมน.ภาค4 สน. พ.อ.ปกรณ์ ธรรมโชติ ผอ.กขภ.สขว.กอ.รมน.ภาค4 สน. พ.อ.วรพล วรพันธ์ รอง ผบ.กกล.รส. มทบ.42 พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ร.5/ผบ.ฉก.ร.5 กรมทหารพราน 46 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 46 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 47 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 48 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ศอ.ปส.มท. นำโดย นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกรมศุลกากร นำโดย นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม นายธนิต วัฒน์ธนนันท์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร นางสาวกัญญณัฐ พิพัฒน์กิจไพศาล หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม นางธาริณี รุจิโรจน์วรางกูร นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ฝปป. สคศ. สผภ. นายธีรยุทธ ลีลา นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ฝปป. สคศ. สผภ.
ผู้ช่วยทูตอินโดนีเซีย ฝ่ายตำรวจประจำประเทศไทย นำโดย Mr.Sila Pulangan Attorney attache Mr.Priyo Waseso Police attache Ms.AmphornSanafi(Mina)DEA สำนักงาน
ปราบปรามยาเสพติดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยร่วมกันอำนวยการสืบสวนเร่งรัดผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล ปรากฏผลปฏิบัติการตามยุทธการบูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 6/2560 ตามแผนปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/4” (เครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 8 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 31 จุดตรวจค้น และมีผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ อีกจำนวน 4 คดี
ความเป็นมาและผลปฏิบัติการตามยุทธการฯจากการจับกุ
มช่วงปี 2558-2559พบคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง จำนวน 5 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2558 บก.ทล จับกุมนายวิทยา โสภายาบ้า 2.3 ล้านเม็ด ที่ อ.เมืองจว.ชุมพรขณะขับรถลำเลียงยาบ้า
จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปส่งลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้
คดีที่ 2 วันที่ 30 มีนาคม 2559 บช.ปส. จับกุมนายปิยะ เครือหมื่น และพวกรวม 5 คน ยาบ้า 624,000 เม็ด เฮโรอีน 720 กรัม ที่ อ.สูงเนิน จว.นครราชสีมา
คดีที่ 3 วันที่ 23 สิงหาคม 2559 ด่านตรวจพละ จับกุมนายศักดาอัครศักดิ์ศรี และพวกรวม 2 คนยาบ้า 1 ล้านเม็ด ที่ จว.ชุมพร ขยายผลจับกุมนายวิวัฒน์ชัย เดชสหโรจนธร ผู้ควบคุมการลำเลียง ที่ จว.สงขลา
คดีที่ 4 วันที่ 1 ตุลาคม 2559 บช.ปส. จับกุมนายทรรศพล พลธี พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ที่ จว.นครราชสีมา ขยายผลจับกุมนายไพฑูรย์ ทองเสม ผู้ขับรถนำทาง ที่ จว.ชุมพร และนายนิอุสมีน ปะจู ผู้รอรับยาเสพติดที่ จว.สงขลา
คดีที่ 5 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 CCDAC จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ยาบ้า 6.3 ล้านเม็ด ที่เมืองพงจว.ท่าขี้เหล็กเมียนมาจากกา
รสอบสวนพบว่านายคอนปะสง สุกกะเสมร่วมกับท้าวสีสุกฯ
จัดหายาบ้าจากเมียนมา เพื่อส่งให้กับ นายอิลยัส หะยีแวสะแลแม (คู่เขยนายไซนูเด็ง มะ)
จากการสืบสวนขยายผลพบว่าเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว และมาเลเซีย
จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายไซซะนะ แก้วพิมพา และพวกรวม 9 คน ในข้อหาสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือฯ จากนั้นได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศกับทางการลาว จนสามารถจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพาได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 และประสานกับทางการมาเลเซีย เพื่อจับกุมนายไซนูเด็ง มะ หรือMr.KAMARUDIN BIN AWANG (บุคคล 2 สัญชาติ) ได้ที่รัฐกลันตัน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 จากการสอบสวนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงออกหมายจับท้าวสีสุก ดาวเรือง และพวกรวม 4 คน ในข้อหาสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือฯ นอกจากนี้จากการจับกุมยาบ้า 6.3 ล้านเม็ด ที่เมียนมา (คดีที่ 5) ภายหลังการจับกุมได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างไทย ลาว เมียนมา ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศป.มข.) จนสามารถจับกุมนายคอนปะสง สุกกะเสม และบุคคลในเครือข่ายรวมกว่า 30 คน ได้ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560 ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นบุคคลในเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง จึงได้มีการประสานทางการลาว จนสามารถจับกุมท้าวสีสุกฯ ได้ที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560จึงนำมาสู่ยุทธการ ปปส. บูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ครั้งที่ 6/2560 ตามแผน ปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/4” ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการต่อบุคคล ในเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 2 พฤษภาคม 2560 จำนวน 31 เป้าหมาย ในพื้นที่ จว.อุดรธานี 14 เป้าหมาย จว.หนองคาย 1 เป้าหมาย จว.ขอนแก่น 3 เป้าหมาย จว.ร้อยเอ็ด 4 เป้าหมาย จว.ยะลา 1 เป้าหมาย จว.นราธิวาส 3 เป้าหมาย จว.ปัตตานี 1 เป้าหมาย และ กทม. 4 เป้าหมาย
นอกจากนี้จากข้อมูลทางการข่าวยังพบว่าท้าวสีสุกฯ นายไซซะนะฯ และนายไซนูเด็งฯ เป็นบุคคลในเครือข่าย
นายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จชต. มีพฤติการณ์ร่วมกับเครือญาติค้ายาเสพติด ตั้งแต่ปี 2545 มีเครือข่ายเชื่อมโยงในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคใต้และมาเลเซีย นำเข้ายาบ้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ และส่งออกมาเลเซียเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลและฐานะการเงินดี ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2547 นายอุสมานฯ
ถูก สภ.ระแงะ ออกหมายจับ พร้อมนายอารงค์ (บิดา) นายรุสลาม (พี่ชาย) และนายสาปรี (น้องชาย) ในข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ จากนั้นได้หลบหนีหมายจับไปอยู่ที่ สปป.ลาว เปลี่ยนชื่อเป็นนายสุข ไซซนะ ใช้หนังสือเดินทางลาว P0272319 พร้อมกับภรรยา น.ส.สุภาพร คำศรีระภาพ เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.สุพะวัน ทองประเสิด หนังสือเดินทางลาว P0393905 และพี่ชาย นายอาสมิง สะแลแมง เปลี่ยนชื่อเป็นนายไก่ ไซซนะ หนังสือเดินทางลาว P0297530 ขณะอยู่ สปป.ลาว นายอุสมานฯ หรือท้าวสุข ยังคงมีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องโดยทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง สวนยางพารา รีสอร์ทและทำเหมืองทองคำ-ทองแดง บังหน้า สร้างอิทธิพลและเครือข่ายค้ายาเสพติดใน สปป.ลาว
ปี 2554 มีข่าวสารว่านายอุสมานฯ เสียชีวิต โดยมีการจัดพิธีศพที่ จว.นราธิวาส แต่จากการสืบสวนเชื่อว่านายอุสมานฯ ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งภายหลังจากข่าวการเสียชีวิตของนายอุสมานฯ ดังกล่าว ท้าวสีสุกฯ และนายไซซะนะฯได้เข้ามามีบทบาทร่วมในการค้ายาเสพติดโดยนายอุสมานฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากกลุ่มว้าเหนือจากบ้านป่าสัก-บ้านโป่งเมืองพง ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ข้ามแม่น้ำโขง เข้ามาทางบ้านมอม เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว-นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ก่อนนำเข้าไทยทางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้โดยมีนายไซนูเด็ง มะ (ลูกเขยนายมะรอนิงจาโกนักค้ารายสำคัญในพื้นที่ จชต.) เป็นเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ดูแลเรื่องการจัดส่งเข้าไปจำหน่ายลูกค้าในมาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมามีการจับกุมบุคคลในเครือข่ายของนายอุสมานฯ จำนวน 8 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 วันที่ 9 พฤษภาคม 2545 บช.ปส. จับกุมนายมะเซาดี สะแลแมง (พี่ชายนายอุสมานฯ) พร้อมพวก รวม 6 คน ยาบ้า 40,000 เม็ด เหตุเกิดที่ อ.เมือง จว.นราธิวาส
คดีที่ 2 วันที่ 19 มกราคม 2546 สภ.เมืองลำปาง ตรวจยึดยาบ้า 32,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถบรรทุกสิบล้อ (ผู้ขับขี่หลบหนี) เจ้าของรถคือ นายสูหัยมิง อูซา บุคคลในเครือข่ายนายอุสมานฯ
คดีที่ 3 วันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 สภ.ตันหยง ตรวจค้นรถยนต์ซึ่งนายฮัมดำ สะแลแมง (น้องชายนายอุสมาน) ผู้ขับขี่ นายสูหัยมิง อูซา เป็นผู้โดยสาร พบเงินสด 5 ล้านบาท ทั้งสองให้การว่าเป็นเงินของนายอุสมานฯ
คดีที่ 4 วันที่ 16 กรกฎาคม 2548 ภ.จว.หนองคาย จับกุมนายนินถาวร เมืองปาก และพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 270,000 เม็ด สอบสวนพบว่าเจ้าของยาเสพติด คือนายอุสมานฯ และน.ส.สุภาพรฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนับสนุนช่วยเหลือฯ ทั้งสองคน
นอกจากนั้นได้ยึดอายัดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่าย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของกองทุน
รวม 70 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินของนายอุสมานฯ และ น.ส.สุภาพรฯ จำนวน 40 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจพบจากการซุกซ่อนในรถยนต์ของกลางในคดีเดียวกัน จำนวน 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552
คดีที่ 5 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2552 สภ.หาดใหญ่ จับกุมนายหนิอีซอ นิเงาะ และพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 134,000 เม็ด เอ็กซ์ตาซี 160 เม็ด อิริมินไฟต์100 เม็ด เงินสด 6.2 ล้านบาท ที่ จว.สงขลา สอบสวนพบว่าเจ้าของยาเสพติด คือ นายอุสมานฯ และ นายฮัมดำฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนุนช่วยเหลือฯ
คดีที่ 6 วันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 สภ.เชียงคาน จับกุมนายประกอบ สุวรรณสะอาด พร้อมยาบ้า 270,000 เม็ด
ที่จว.เลย สอบสวนพบผู้สั่งการ คือนายทรงศักดิ์ มีเพียร เครือข่ายของนายอุสมานฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนุนช่วยเหลือฯ ซึ่งต่อมาภายหลัง นายทรงศักดิ์ฯ ถูกจับกุมในคดีกัญชา 300 กก. ที่ จว.อุดรธานี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 และศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี
คดีที่ 7 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555 บช.ปส. จับกุมนายรุสลัน หะยีดิง (น้องของภรรยานายมะเซาดี สะแลแมง)และพวกรวม 2 คน พร้อมยาบ้า 150,000 เม็ด ที่ จว.ปทุมธานี
คดีที่ 8 วันที่ 14 พฤษภาคม 2557 บก.รน.อ.หนองคาย ตรวจยึดยาบ้า 390,000 เม็ด รถกระบะ 1 คัน สอบสวนพบเกี่ยวข้องกับบุคคลในเครือข่ายนายอุสมานฯ
ปัจจุบันนายอุสมานฯ มีหมายจับคดียาเสพติด 2 หมาย คือ หมายจับศาล จว.หนองคาย ที่ จว.492/48 ข้อหาสมคบฯ และร่วมกันนำเข้ายาเสพติดฯ (คดีที่ 4) และ หมายจับศาลอาญา ที่ 221/52 ข้อหาสมคบฯ (คดีที่ 5)
ผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 4 คดี
คดีที่ 1 : เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 บก.ปส.3 บช.ปส., เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5, เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส., เจ้าหน้าที่ทหาร ศขว.ศปก.ทบ. ร่วมกันจับกุมคดียาเสพติด (รายสำคัญ) จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน
1. นายศักดิ์ชัย แซ่ย่าง อายุ 27 ปี ที่อยู่ 81/1 หมู่ 5 ต.บ้านหวด อ.งาว จว.ลำปาง
2. นายย่าฟ่าตี่ แซ่ย่าง อายุ 24 ปี ที่อยู่ 269 หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จว.เชียงราย
ของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,008 มัด ประมาณ 4,016,000 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 100 กิโลกรัม
3. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 49 กิโลกรัม
4. รถยนต์ จำนวน 3 คัน
5. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง
เหตุเกิด บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน หน้าวัดปางหมอปวง หมู่ 6 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ต่อเนื่องถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย และบริเวณถนนสายเชียงของ-เวียงแก่น บ้านท่าเจริญ หมู่ 3 ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จว.เชียงราย
โดยกล่าวหาว่า
“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด”
พฤติการณ์แห่งการจับกุม ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายกลุ่มม้ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีพฤติการณ์รับจ้างลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนไทย - เมียนมา นำไปส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในเขตพื้นที่ตอนใน กรุงเทพและปริมณฑลเพื่อกระจายให้กลุ่มผู้ขายรายกลางและรายย่อยในพื้นที่แพร่ระบาด โดยจะใช้วิธีใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ในการขนลำเลียง มีรถนำ/สำรวจเส้นทาง และรถตามคุ้มกัน ตลอดจากต้นทางจนถึงจุดหมายปลายทาง
ต่อมาในวันที่ 27 เมษายน 2560 ระหว่างเวลา 03.00-07.00 น. วัน เวลา ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการจับกุมนายศักดิ์ชัย แซ่ย่าง และนายย่าฟ่าตี่ แซ่ย่าง พร้อมด้วยของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษ 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,008 มัด ประมาณ 4,016,000 เม็ด , ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 100 กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 49 กิโลกรัม ที่ตรวจยึดได้ภายในรถยนต์ เชฟโรเลต ทะเบียนป้ายแดง ก-8889 ปทุมธานี พร้อมทั้งตรวจยึด รถยนต์เก๋งฮอนด้า ทะเบียน กร-5008 เชียงราย และรถยนต์กระบะ อีซูซุ ผข-6415 เชียงราย ไว้เป็นของกลาง ต่อมาได้นำตังผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ต้องหาที่หลบหนี จำนวน 3 คน ซึ่งรู้ตัวหมดแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอต่อศาลอาญาให้ออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 : เมื่อวันที่ 27-28 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.4 ร่วมกับ บก.ขส., กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี, สภ.โคกขาม และเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 7 ร่วมกันจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยมีรายละเอียดดังนี้
จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 6 คน
1. นายจักกรี หรือป้อง อุ่นสำราญอายุ 31 ปี ที่อยู่ 42 หมู่ 3 ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จว.ตาก
2. นายวันเฉลิม หรือต้น นาคภักดี อายุ 29 ปี ที่อยู่ 77 ซอยคู้บอน 21 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม.
3. นายเสรินทร์ หรือเส ยาเพ็ชรน้อย อายุ 32 ปี ที่อยู่ 59 หมู่ 5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี
4. นายทันณกร หรือโห้ สุ่มทอง อายุ 32 ปี ที่อยู่ 139 หมู่ 7 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จว.ชัยนาท
5. นายศานิต หรือตึก อิสสอาด อายุ 34 ปี ที่อยู่ 75 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จว.สุพรรณบุรี
6. น.ส.ชุติมา หรือปลื้ม เทกอง อายุ 18 ปี ที่อยู่ 132/2 หมู่ 3 ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จว.สุพรรณบุรี พร้อมของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 401,531 เม็ด
2. รถยนต์ จำนวน 3 คัน
3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
4. อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ CZ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียนปืน
5. เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 9 นัด
ทรัพย์สินยึดไว้ตรวจสอบ
1. รถยนต์ จำนวน 1 คัน
2. สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำนวน 5 เล่ม
3. สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 2 เล่ม
4. บัตร ATM กรุงไทย จำนวน 2 ใบ
5. บัตร ATM ธนาคารไทยพานิชย์ จำนวน 1 ใบ
รวมมูลค่าทรัพย์สิน มูลค่า 4,500,000 บาท
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” (ผู้ต้องหาที่ 1-6) แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่ 5 เพิ่มเติมว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว” แจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่ 1 ให้ทราบเพิ่มเติมว่า “กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแต่จำเลยหลบหนี”
(ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 396/2559 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2559) และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพระราม 2 ที่อยู่ 59 หมู่ 5 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จว.สมุทรสงคราม (จับกุมผู้ต้องหาที่ 3,4,5,6) ต่อเนื่องบริเวณลานจอดรถยนต์ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาศาลายา ต.บางเตย อ.สามพราน จว.นครปฐม (จับกุมผู้ต้องหาที่ 1,2) ต่อเนื่องบริเวณบ้านเลขที่ 59 หมู่ 5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี ได้ตรวจยึดยาบ้าเพิ่มเติม จำนวน 1,531 เม็ด (ของผู้ต้องหาที่ 3)
พฤติการณ์แห่งคดี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนหาข่าว จนทราบว่า นายโจ หรือต้น (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 40-50 ปี เป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่านายโจหรือต้นมีการโทรศัพท์ตกลงซื้อขายยาบ้ากัน จำนวน 200 มัด (ประมาณ 400,000 เม็ด) ราคามัดละ 60,000 บาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท และนัดส่งมอบยาบ้าในวันที่ 27 เมษายน 2560 เวลาช่วงบ่ายๆ ในพื้นที่แถว กรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง
ต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2560 เวลาประมาณ 16.30 น. นายโจหรือต้น ได้โทรศัพท์นัดให้นำเงินค่ายาบ้าไปให้ นายจักกรี หรือป้อง อุ่นสำราญ (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) ตรวจนับดู โดยนัดหมายดูเงินกันในเวลาประมาณ 18.00 น. ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาศาลายา ต.บางเตย อ.สามพราน จว.นครปฐม ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. นายจักกรี กับ นายวันเฉลิม หรือต้น นาคภักดี (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) ได้เดินทางมาถึงร้านอาหาร KFC ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลฯ เพื่อตรวจนับเงิน และต่อมาเวลาประมาณ 20.20 น. นายโจ หรือต้น แจ้งว่าจะให้ลูกน้องนำยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ไปส่งมอบที่บริเวณริมถนนพระราม 2 ขาออก หลัก กม. ที่ 70-80 ต.วันดาว อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี ในเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ไปซุ่มสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว กระทั่งพบยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ซุกซ่อนไว้บริเวณคอสะพานข้ามทางรถไฟริมถนนพระราม 2 ขาออก กม.ที่ 81+100 ต.วันดาว อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสังเกตเห็นรถยนต์ จำนวน 2 คัน จอดอยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้ามกับจุดพบยาบ้า คาดว่าเป็นรถยนต์ที่นำยาบ้ามาวางไว้ เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยติดตามเพื่อเข้าแสดงตัวขอตรวจค้น ระหว่างนั้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ได้ขับเข้าไปจอดบริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพระราม 2 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จว.สมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจค้นผู้ที่อยู่ในรถยนต์ทั้ง 2 คัน ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือเชื่อมโยงเกี่ยวกับการซื้อขายยาเสพติดกัน จากการสอบถามนายเสรินทร์ หรือเส ยาเพ็ชรน้อย (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) รับว่าตนเองกับนายทันณกร หรือโห้ สุ่มทอง (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) เป็นคนนำยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ไปวางไว้บริเวณคอสะพานข้ามทางรถไฟโดยมีนายศานิต หรือตึก อิสสะอาด (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) และน.ส.ชุติมา หรือปลื้ม เทกอง (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) เป็นผู้ทำหน้าที่ขับรถนำทางคอยสอดส่องดูด่านตรวจและคุ้มกันรถยนต์ของตนขณะนำยาบ้าไปวางบริเวณดังกล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 22.40 น. นายจักกรีได้มารับเงินค่ายาบ้าส่วนนายวันเฉลิม นั่งในรถยนต์ซึ่งห่างจากจุด รับเงินประมาณ 10 เมตร เพื่อช่วยคอยดูต้นทางให้นายจักกรี เมื่อนายจักกรีได้รับเงินค่ายาบ้าแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงจึงเข้าทำการจับกุมตัวนายจักกรีและนายวันเฉลิม จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมด นายเสรินทร์ (ผู้ต้องหาที่ 3) ให้การยอมรับว่ายังมียาบ้าเหลืออยู่ที่บ้านพักของตนเองที่บ้านเลขที่ 59 ม.5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2560 เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 1,531 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้เสื่อน้ำมันภายในบ้าน จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 ดำเนินคดี และจักได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมบุคคลในเครือข่ายต่อไป
คดีที่ 3 : เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ศุลกากร ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ฝ่ายสืบสวนปราบปราม 3 กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหาจับคดียาเสพติด (รายสำคัญ) จำนวน 1 คน คือ นายโนเวอร์เดียน สุเทียนซาห์ สุเท็ดโจ้ (MR.NOVERDIAN SUTIANSHAH SUTEDJO) อายุ 38 ปี สัญชาติ อินโดนีเซีย เกิดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2522 ถือหนังสือเดินทางประเทศอินโดนีเซียหมายเลข X081352 พร้อมของกลาง ยาอี จำนวน 1,514 เม็ด, ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.5 กรัม และกัญชาแห้ง น้ำหนักประมาณ 4 กรัม จับกุมผู้ต้องหาบริเวณด้านหน้าล๊อบบี้ อาคารชุดเดอะเมทคอนโดมิเนียม เวลาประมาณ 13.50 น. ต่อเนื่องตรวจค้นห้องพักเลขที่ 123/149 อาคารชุดเดอะเมทคอนโดมิเนียม แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กทม. เวลาประมาณ 14.10 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2560 โดยกล่าวหาว่า นำยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย” และแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไอซ์ เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี และยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย”
พฤติการณ์แห่งการจับกุม การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 15 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาเสพติด (ยาอี) จำนวน 200 เม็ด ที่คลังสินค้าของบริษัทขนส่งสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ ซึ่งถูกส่งมาจากประเทศออสเตรีย โดยมีที่อยู่จัดส่งปลายทาง ระบุผู้รับปลายทางเป็นตู้จดหมายของบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าตู้จดหมาย อยู่ที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี และต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2560 ได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาเสพติด (ยาอี) จำนวน 100 เม็ด ถูกส่งมาจากประเทศเยอรมันนี ปลายทางระบุเป็นตู้รับจดหมาย ณ บริษัทให้เช่าตู้จดหมายอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนสีลม กทม. โดยระบุผู้รับเป็นผู้เช่าตู้จดหมายดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เช่าใช้บริการตู้จดหมายทั้งสองแห่งเป็นบุคคลเดียวกัน
ต่อมา (วันที่ 29 เมษายน 2560) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการส่งยาอีจากประเทศเยอรมนี เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดจนกระทั่ง ในวันที่ 30 เมษายน 2560 ได้ร่วมกันจับกุม นายโนเวอร์เดียน สุเทียนชาห์ สุเท็ดโจ้ (MR.NOVERDIAN SUTIANSHAH SUTEDJO) อายุ 38 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย พร้อมของกลางยาอี จำนวน 1,507 เม็ด เหตุเกิดที่บริเวณด้านหน้าล๊อบบี้ อาคารชุด เดอะเมทคอนโดมิเนียม แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กทม. ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 123/149 พบ ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.5 กรัม กัญชาแห้ง 4 กรัม และยาอี 7 เม็ด (รวมยาอีทั้งหมด 1,514 เม็ด)
คดีที่ 4 : เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 บก.สกส.บช.ปส. ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 1 ราย คือ นายเอีย มิ้งไซย หรือเอก ภูมิลำเนา แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ในฐานความผิด “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันนำเข้า ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน”
หมายศาลอาญา ที่ 19/2560 ลงวันที่ 25 มกราคม สถานที่จับกุม อ.เมือง จว.มุกดาหาร
พฤติการณ์แห่งการจับกุม นายเอีย มิ้งไซย มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จำนวน 6 ครั้ง โดยนายเอีย มิ้งไซย เป็นกลุ่มของท้าวอุไท คำอวน ซึ่งเป็นเครือข่ายของท้าวสีสุก ดาวเรือง และท้าวไซซะนะ แก้วพิมพา ซึ่งจากการสืบสวนติดตามก่อนจับกุมของ บช.ปส. พบว่านายเอีย มิ้งไซย ยังทำหน้าที่ข้ามมาฝั่งไทยด้าน จว.มุกดาหาร เพื่อทำหน้าที่กดเงินจากตู้ ATM ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในตัวเมือง จว.มุกดาหาร และนำเงินสดข้ามกลับไปยังแขวงสะหวัดนะเขต สปป.ลาว ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นเงินค่ายาเสพติดที่โอนมาจากทางจังหวัดภาคใต้ของไทย
สรุปผลการปฏิบัติการปิดล้อมตามแผนชัยยะ สยบไพรี 60/4
จำนวน 31 จุด เมื่อวันที่ 2 พ.ค.60พื้นที่ที่จะทำการตรวจค้นเป้าหมาย (เขตจังหวัด) รวม เป้าหมายจะตรวจค้น อุดรธานี หนองคาย
ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กรุงเทพฯ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี
จับกุมได้ผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย จับกุมตามหมายจับ จำนวน 2 ราย
นายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หมายจับศาลอาญาที่ 130/2560
ที่ ถ.โพนพิสัย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จว.อุดรธานี.นายเอีย มิ้งไซย หรือเอก ภูมิลำเนา แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว
หมายศาลอาญา ที่ 19/2560 ลงวันที่ 25 ม.ค. 2560 (หมาย บก.ปส.3 เลขคดี 96/2559) สถานที่จับกุม อ.เมือง จว.มุกดาหาร
จับกุมพร้อมของกลาง จำนวน 3 รายนายซัมรี เจ๊ะอาเด๊ะ อายุ 26 ปี
นายซูฮา เม๊าะมากอ อายุ 23 ปี นายบุญมา จันทะชาติ อายุ 59 ปี
พร้อมของกลางยาบ้า 100 เม็ด น้ำต้มพืชกระท่อม 0.5 กก.อาวุธปืนแก๊ปไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้น 9 มม. ยี่ห้อ CZ 1กระบอกตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อทำการ
ตรวจสอบตามพรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 จำนวน 26 รายการ และทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ในระหว่างการตรวจยึดเพิ่มเติมทรัพย์สินตรวจยึดได้ รวมมูลค่า 70 ล้านบาทเศษ1.รถยนต์ รวม 10 คัน
1.รถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้ายาริส หมายเลขทะเบียน กค 1777 หนองบัวลำภู
ราคาประมาณ 300,000 บาท
2.รถเก๋ง MERCEDES BENZ สีขาว กต 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 3,280,000 บาท
3.รถเก๋ง PORSCHE 718 CAYMAN สีขาว กล 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 7,000,000 บาท
4.รถเก๋ง BENTLEY สีเทาเข้ม ป้ายแดง ท 8821 กทม. ราคาประเมิน 17,000,000 บาท
5.รถเก๋ง TOYOTA สีเทา กว 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 1,700,000 บาท
6.รถแวน HONDA สีดำ กฉ 199 อุดรธานี ราคาประเมิน1,000,000 บาท
7.รถเก๋ง BMW X1 สีขาว ญร 59 กทม. ราคาประเมิน 2,300,000 บาท
8.รถเก๋ง MINI COOPER กธ 199 อุดรธานี ราคาประเมิน2,900,000 บาท
9.รถเก๋ง HONDA สีขาว กฒ 5520 กทม. ราคาประเมิน600,000 บาท
10.รถจักรยานยนต์ HONDA สีน้ำเงิน คจม 99 อุดรธานี ราคาประเมิน 120,000 บาท
2.โฉนดที่ดิน รวม 2 โฉนด
1.โฉนดที่ดิน เลขที่ 190028 เล่ม 1901 หน้า 28 อ.เมือง จว.อุดรธานี เนื้อที่ 1 งาน 073
ตารางวา เอกสารสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมใบเสร็จจ่ายเงิน ราคาประมาณ 3,000,000 บาท ราคาบ้านพร้อมตกแต่ง 17,000,000 ล้าน รวมราคาทรัพย์สินประมาณ 20,000,000 บาท
2.โฉนดที่ดินเลขที่ 19632 เนื้อที่ประมาณ 52 ตร.ว. พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประมาณ 5,000,000 บาท
3.อื่นๆ จำนวน 14 รายการ
1.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ ASUS จำนวน 1 เครื่อง
2. โน๊คบุ๊ค AZUZ จำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 22,000 บาท
3.IPAD ราคาประมาณ 2,000 บาท
4. โทรศัพท์ ยี่ห้อ ซัมซุง โน้ต 3 จำนวน 1 เครื่อง ราคาประมาณ 23,000 บาท ,
เบอร์ 0962575182
5.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ ราคา ประมาณ 50 บาท
6.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO ราคาประมาณ 5,000 บาท
7.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน ราคาประมาณ 15,000 บาท
8.ไม้แปรรูป 308 แผ่น, 40 ท่อน ราคาประเมิน 500,000 บาท
9.โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง สีดำ ไม่มีซิม จำนวน 1 เครื่อง
10.กล่องโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 7 ซึ่งเป็นของนายรัชพลฯซื้อมาใช้จากร้านที่ กทม. 1 กล่อง
11.WIFI ยี่ห้อหัวเวย พร้อมซิมสีดำ 1 อัน
12.WIFi ยี่ห้อ หัวเวย พร้อมซิมสีขาว 1 อัน
13.การ์ดพลาสติก สีดำ จำนวน 1 ใบ14.ซิมของ AIS หมายเลข 095-9951989 ซึ่งเป็นซิมที่ นายรัชพลฯ ใช้อยู่ปัจจุบัน
เอกสาร
1.เอกสารบริษัทขันติธโรการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ระหว่างประเทศ จำกัด รวม 19 ชุด
2.สำเนา น.ส.3 ก. เลขที่ดิน ค ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี จว.อุดรธานี หมายเลข 55413 I
3.สมุดเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3 เล่ม
4.สมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3 เล่ม
5.สมุดเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำนวน 2 เล่ม
6.สมุดเงินฝากธนาคารออมสิน จำนวน 1 เล่ม
7.สมุดเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1 เล่ม
8.บัตรอิเล็กทรอนิคส์ (ATM) จำนวน 7 อัน
9. สมุดบัญชี ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี นายจิตกร ยาเพชร หมายเลขบัญชี 522-2-36264-9 จำนวน 2 เล่ม
หมายเลขบัญชี 280-2-80769-9 จำนวน 2 เล่ม
10.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดบ้านห้วย หมายเลข 417-2-36592-8
11.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดบ้านห้วย หมายเลข 417-2-36404-2
12.หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า 17 บริษัท
13.หนังสือสัญญาขายที่ดิน 1 ฉบับ
14.หนังสือมอบอำนาจที่ดิน 4 ฉบับ
15.สำเนาโฉนดที่ดิน 1 ฉบับ
16.แบบบ้านพักอาศัย ของ น.ส.ปณิศรา ศิลปะพงษ์ จำนวน 1 เล่ม รวม 21 รายการ
17.สมุดเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ เลขที่ 512-211536-6 ชื่อนายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ มีเงินคงเหลือในบัญชี 38,734.10 บาท จำนวน 1 เล่ม
18.สลิปของธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 ใบ
19.เอกสารธนาคาร ยูโอบี 1 ฉบับ
20.เอกสารประกันภัยอยุธยาอลีอัน 1 ฉบับ
21.ใบแจ้งค่าบริการ AIS 1 ฉบับ
22.เอกสารเมืองไทยประกันชีวิต 1 ฉบับ
23.ใบกำกับภาษี MSIC 1 ฉบับ
24.เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน 3 ฉบับ
25.สำเนาทะเบียนรถ 2 ฉบับ
26.หนังสือรับมอบรถยนต์ 1 ฉบับ
27.หนังสือจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม 2 ฉบับ
28.เอกสารปะหน้าเอกสารรายการที่ 11 เกี่ยวกับใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล
29.เอกสารใบผ่อนชำระคอนโดมิเนียม เลขที่สัญญา CT-UE-U004-16000041 รหัสห้อง UC-U004-AA-04-0012 ประเภทห้อง B8A
สำนักงาน ป.ป.ส., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองทัพบก, สำนักงาน ปปง., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กรมศุลกากร, ศอ.ปส.มท. และ DEA ได้ร่วมกันบูรณาการปฏิบัติการตามแผน “ชัยยะสยบไพรี 60/4” ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยมีหน่วยร่วมปฏิบัติ ดังนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปส.1), พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส., พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภาค 7 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง และ พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ทีฆโชติ สุวรรณาคม ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผบก.สกส. พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส. พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส. พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.พีระพงศ์
วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.หนองคาย พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น
พล.ต.ต.ธนยินทร์ เทพรักษา ผบก.ภ.จว.เชียงราย พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผบก.ภ.จว.ลำปาง พล.ต.ต.วินิจ พัวพันธ์ ผบก.ตชด.ภาค 2 พล.ต.ต.มนต์ชัย เรืองจรัส ผบก.ตชด.ภาค 3 พ.ต.อ.กิตติ สำเภาทอง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมบัติ บุญโสภา ผกก.ตชด.24 พ.ต.อ.อานันทพงศ์ เชิดเกียรติกุล รอง ผบก.ปส.4/หน.สง.ผบช.ปส. พ.ต.อ.สมเกียรติ วรรณสิริวิไล รอง ผบก.อก.บช.ปส./หน.บก.สน.ฯ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ชัยรัตน์ อู่พิทักษ์ รอง ผกก.ตชด.24, หน่วยบินตำรวจ,
กองบังคับการปราบปราม, ภ.จว. นราธิวาส, ภ.จว.ยะลา, ภ.จว.ปัตตานี, สภ.กรงปินัง, สภ.สุไหงปาดี สภ.ตากใบ, สภ.งาว, สภ.เชียงแสน, ตชด.32 และ บก.สส.ศชต.
สำนักงาน ป.ป.ส. นำโดย นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ที่ปรึกษาด้านป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด นางนฤมล ช่วงรังษี นายนิยม เติมศรีสุข และนายพิภพ ชำนิวิกัยพงศ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด นายพงษ์ธร พัฒนภักดี ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สิน นายพิสุทธิ์ ภู่เงิน ผอ.ปปส.ภาค 4 นายธนากร คัยนันท์ ผอ.ปปส.ภาค 7 และนายสุรพล ภัทรปกรณ์ ผอ.ปปส.ภาค 9 สำนักงาน ปปง. นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. นางชลธิชา ดาวเรือง ผู้อำนวยการกองคดี 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง พ.ต.ท.วัฒนา ศิริสูงเนิน ผอ.ศอ.ปส. กองทัพบก นำโดย พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.ธนา จารุวัต มทน.3/ผอ.ศอ.ปส.ชน. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศรภ. พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผบ.กกล.ผาเมือง พล.ต.สมชาติ แน่นอุดร ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี พล.ต.อนุรักษ์ ทับคล้าย หน.ศูนย์ข่าวยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 พ.อ.ณรงค์ สวนแก้ว เสธ.กกล.ผาเมือง พล.ท.โภชน์ นวลบุญ ผอ.สขว.กอ.รมน.ภาค4 สน. พ.อ.ปกรณ์ ธรรมโชติ ผอ.กขภ.สขว.กอ.รมน.ภาค4 สน. พ.อ.วรพล วรพันธ์ รอง ผบ.กกล.รส. มทบ.42 พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ร.5/ผบ.ฉก.ร.5 กรมทหารพราน 46 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 46 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 47 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 48 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ศอ.ปส.มท. นำโดย นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกรมศุลกากร นำโดย นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม นายธนิต วัฒน์ธนนันท์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร นางสาวกัญญณัฐ พิพัฒน์กิจไพศาล หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม นางธาริณี รุจิโรจน์วรางกูร นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ฝปป. สคศ. สผภ. นายธีรยุทธ ลีลา นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ ฝปป. สคศ. สผภ.
ผู้ช่วยทูตอินโดนีเซีย ฝ่ายตำรวจประจำประเทศไทย นำโดย Mr.Sila Pulangan Attorney attache Mr.Priyo Waseso Police attache Ms.AmphornSanafi(Mina)DEA สำนักงาน
ปราบปรามยาเสพติดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยร่วมกันอำนวยการสืบสวนเร่งรัดผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล ปรากฏผลปฏิบัติการตามยุทธการบูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 6/2560 ตามแผนปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/4” (เครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 8 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 31 จุดตรวจค้น และมีผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ อีกจำนวน 4 คดี
ความเป็นมาและผลปฏิบัติการตามยุทธการฯจากการจับกุ
มช่วงปี 2558-2559พบคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง จำนวน 5 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2558 บก.ทล จับกุมนายวิทยา โสภายาบ้า 2.3 ล้านเม็ด ที่ อ.เมืองจว.ชุมพรขณะขับรถลำเลียงยาบ้า
จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปส่งลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้
คดีที่ 2 วันที่ 30 มีนาคม 2559 บช.ปส. จับกุมนายปิยะ เครือหมื่น และพวกรวม 5 คน ยาบ้า 624,000 เม็ด เฮโรอีน 720 กรัม ที่ อ.สูงเนิน จว.นครราชสีมา
คดีที่ 3 วันที่ 23 สิงหาคม 2559 ด่านตรวจพละ จับกุมนายศักดาอัครศักดิ์ศรี และพวกรวม 2 คนยาบ้า 1 ล้านเม็ด ที่ จว.ชุมพร ขยายผลจับกุมนายวิวัฒน์ชัย เดชสหโรจนธร ผู้ควบคุมการลำเลียง ที่ จว.สงขลา
คดีที่ 4 วันที่ 1 ตุลาคม 2559 บช.ปส. จับกุมนายทรรศพล พลธี พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ที่ จว.นครราชสีมา ขยายผลจับกุมนายไพฑูรย์ ทองเสม ผู้ขับรถนำทาง ที่ จว.ชุมพร และนายนิอุสมีน ปะจู ผู้รอรับยาเสพติดที่ จว.สงขลา
คดีที่ 5 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 CCDAC จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ยาบ้า 6.3 ล้านเม็ด ที่เมืองพงจว.ท่าขี้เหล็กเมียนมาจากกา
รสอบสวนพบว่านายคอนปะสง สุกกะเสมร่วมกับท้าวสีสุกฯ
จัดหายาบ้าจากเมียนมา เพื่อส่งให้กับ นายอิลยัส หะยีแวสะแลแม (คู่เขยนายไซนูเด็ง มะ)
จากการสืบสวนขยายผลพบว่าเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว และมาเลเซีย
จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายไซซะนะ แก้วพิมพา และพวกรวม 9 คน ในข้อหาสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือฯ จากนั้นได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศกับทางการลาว จนสามารถจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพาได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 และประสานกับทางการมาเลเซีย เพื่อจับกุมนายไซนูเด็ง มะ หรือMr.KAMARUDIN BIN AWANG (บุคคล 2 สัญชาติ) ได้ที่รัฐกลันตัน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 จากการสอบสวนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงออกหมายจับท้าวสีสุก ดาวเรือง และพวกรวม 4 คน ในข้อหาสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือฯ นอกจากนี้จากการจับกุมยาบ้า 6.3 ล้านเม็ด ที่เมียนมา (คดีที่ 5) ภายหลังการจับกุมได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างไทย ลาว เมียนมา ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศป.มข.) จนสามารถจับกุมนายคอนปะสง สุกกะเสม และบุคคลในเครือข่ายรวมกว่า 30 คน ได้ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560 ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นบุคคลในเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง จึงได้มีการประสานทางการลาว จนสามารถจับกุมท้าวสีสุกฯ ได้ที่แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560จึงนำมาสู่ยุทธการ ปปส. บูรณาการตัดวงจรทางการเงินเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ครั้งที่ 6/2560 ตามแผน ปฏิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/4” ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการต่อบุคคล ในเครือข่ายท้าวสีสุก ดาวเรือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 2 พฤษภาคม 2560 จำนวน 31 เป้าหมาย ในพื้นที่ จว.อุดรธานี 14 เป้าหมาย จว.หนองคาย 1 เป้าหมาย จว.ขอนแก่น 3 เป้าหมาย จว.ร้อยเอ็ด 4 เป้าหมาย จว.ยะลา 1 เป้าหมาย จว.นราธิวาส 3 เป้าหมาย จว.ปัตตานี 1 เป้าหมาย และ กทม. 4 เป้าหมาย
นอกจากนี้จากข้อมูลทางการข่าวยังพบว่าท้าวสีสุกฯ นายไซซะนะฯ และนายไซนูเด็งฯ เป็นบุคคลในเครือข่าย
นายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จชต. มีพฤติการณ์ร่วมกับเครือญาติค้ายาเสพติด ตั้งแต่ปี 2545 มีเครือข่ายเชื่อมโยงในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคใต้และมาเลเซีย นำเข้ายาบ้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ และส่งออกมาเลเซียเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลและฐานะการเงินดี ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2547 นายอุสมานฯ
ถูก สภ.ระแงะ ออกหมายจับ พร้อมนายอารงค์ (บิดา) นายรุสลาม (พี่ชาย) และนายสาปรี (น้องชาย) ในข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ จากนั้นได้หลบหนีหมายจับไปอยู่ที่ สปป.ลาว เปลี่ยนชื่อเป็นนายสุข ไซซนะ ใช้หนังสือเดินทางลาว P0272319 พร้อมกับภรรยา น.ส.สุภาพร คำศรีระภาพ เปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.สุพะวัน ทองประเสิด หนังสือเดินทางลาว P0393905 และพี่ชาย นายอาสมิง สะแลแมง เปลี่ยนชื่อเป็นนายไก่ ไซซนะ หนังสือเดินทางลาว P0297530 ขณะอยู่ สปป.ลาว นายอุสมานฯ หรือท้าวสุข ยังคงมีพฤติการณ์ในการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องโดยทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง สวนยางพารา รีสอร์ทและทำเหมืองทองคำ-ทองแดง บังหน้า สร้างอิทธิพลและเครือข่ายค้ายาเสพติดใน สปป.ลาว
ปี 2554 มีข่าวสารว่านายอุสมานฯ เสียชีวิต โดยมีการจัดพิธีศพที่ จว.นราธิวาส แต่จากการสืบสวนเชื่อว่านายอุสมานฯ ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งภายหลังจากข่าวการเสียชีวิตของนายอุสมานฯ ดังกล่าว ท้าวสีสุกฯ และนายไซซะนะฯได้เข้ามามีบทบาทร่วมในการค้ายาเสพติดโดยนายอุสมานฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากกลุ่มว้าเหนือจากบ้านป่าสัก-บ้านโป่งเมืองพง ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ข้ามแม่น้ำโขง เข้ามาทางบ้านมอม เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว-นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ก่อนนำเข้าไทยทางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้โดยมีนายไซนูเด็ง มะ (ลูกเขยนายมะรอนิงจาโกนักค้ารายสำคัญในพื้นที่ จชต.) เป็นเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ดูแลเรื่องการจัดส่งเข้าไปจำหน่ายลูกค้าในมาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมามีการจับกุมบุคคลในเครือข่ายของนายอุสมานฯ จำนวน 8 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 วันที่ 9 พฤษภาคม 2545 บช.ปส. จับกุมนายมะเซาดี สะแลแมง (พี่ชายนายอุสมานฯ) พร้อมพวก รวม 6 คน ยาบ้า 40,000 เม็ด เหตุเกิดที่ อ.เมือง จว.นราธิวาส
คดีที่ 2 วันที่ 19 มกราคม 2546 สภ.เมืองลำปาง ตรวจยึดยาบ้า 32,000 เม็ด ซุกซ่อนในรถบรรทุกสิบล้อ (ผู้ขับขี่หลบหนี) เจ้าของรถคือ นายสูหัยมิง อูซา บุคคลในเครือข่ายนายอุสมานฯ
คดีที่ 3 วันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 สภ.ตันหยง ตรวจค้นรถยนต์ซึ่งนายฮัมดำ สะแลแมง (น้องชายนายอุสมาน) ผู้ขับขี่ นายสูหัยมิง อูซา เป็นผู้โดยสาร พบเงินสด 5 ล้านบาท ทั้งสองให้การว่าเป็นเงินของนายอุสมานฯ
คดีที่ 4 วันที่ 16 กรกฎาคม 2548 ภ.จว.หนองคาย จับกุมนายนินถาวร เมืองปาก และพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 270,000 เม็ด สอบสวนพบว่าเจ้าของยาเสพติด คือนายอุสมานฯ และน.ส.สุภาพรฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนับสนุนช่วยเหลือฯ ทั้งสองคน
นอกจากนั้นได้ยึดอายัดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่าย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของกองทุน
รวม 70 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินของนายอุสมานฯ และ น.ส.สุภาพรฯ จำนวน 40 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจพบจากการซุกซ่อนในรถยนต์ของกลางในคดีเดียวกัน จำนวน 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552
คดีที่ 5 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2552 สภ.หาดใหญ่ จับกุมนายหนิอีซอ นิเงาะ และพวกรวม 4 คน พร้อมยาบ้า 134,000 เม็ด เอ็กซ์ตาซี 160 เม็ด อิริมินไฟต์100 เม็ด เงินสด 6.2 ล้านบาท ที่ จว.สงขลา สอบสวนพบว่าเจ้าของยาเสพติด คือ นายอุสมานฯ และ นายฮัมดำฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนุนช่วยเหลือฯ
คดีที่ 6 วันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 สภ.เชียงคาน จับกุมนายประกอบ สุวรรณสะอาด พร้อมยาบ้า 270,000 เม็ด
ที่จว.เลย สอบสวนพบผู้สั่งการ คือนายทรงศักดิ์ มีเพียร เครือข่ายของนายอุสมานฯ จึงออกหมายจับในข้อหาสมคบสนับสนุนช่วยเหลือฯ ซึ่งต่อมาภายหลัง นายทรงศักดิ์ฯ ถูกจับกุมในคดีกัญชา 300 กก. ที่ จว.อุดรธานี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 และศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี
คดีที่ 7 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555 บช.ปส. จับกุมนายรุสลัน หะยีดิง (น้องของภรรยานายมะเซาดี สะแลแมง)และพวกรวม 2 คน พร้อมยาบ้า 150,000 เม็ด ที่ จว.ปทุมธานี
คดีที่ 8 วันที่ 14 พฤษภาคม 2557 บก.รน.อ.หนองคาย ตรวจยึดยาบ้า 390,000 เม็ด รถกระบะ 1 คัน สอบสวนพบเกี่ยวข้องกับบุคคลในเครือข่ายนายอุสมานฯ
ปัจจุบันนายอุสมานฯ มีหมายจับคดียาเสพติด 2 หมาย คือ หมายจับศาล จว.หนองคาย ที่ จว.492/48 ข้อหาสมคบฯ และร่วมกันนำเข้ายาเสพติดฯ (คดีที่ 4) และ หมายจับศาลอาญา ที่ 221/52 ข้อหาสมคบฯ (คดีที่ 5)
ผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 4 คดี
คดีที่ 1 : เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 บก.ปส.3 บช.ปส., เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5, เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส., เจ้าหน้าที่ทหาร ศขว.ศปก.ทบ. ร่วมกันจับกุมคดียาเสพติด (รายสำคัญ) จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน
1. นายศักดิ์ชัย แซ่ย่าง อายุ 27 ปี ที่อยู่ 81/1 หมู่ 5 ต.บ้านหวด อ.งาว จว.ลำปาง
2. นายย่าฟ่าตี่ แซ่ย่าง อายุ 24 ปี ที่อยู่ 269 หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จว.เชียงราย
ของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,008 มัด ประมาณ 4,016,000 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 100 กิโลกรัม
3. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 49 กิโลกรัม
4. รถยนต์ จำนวน 3 คัน
5. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง
เหตุเกิด บริเวณถนนภายในหมู่บ้าน หน้าวัดปางหมอปวง หมู่ 6 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ต่อเนื่องถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย และบริเวณถนนสายเชียงของ-เวียงแก่น บ้านท่าเจริญ หมู่ 3 ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จว.เชียงราย
โดยกล่าวหาว่า
“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด”
พฤติการณ์แห่งการจับกุม ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายกลุ่มม้ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีพฤติการณ์รับจ้างลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนไทย - เมียนมา นำไปส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในเขตพื้นที่ตอนใน กรุงเทพและปริมณฑลเพื่อกระจายให้กลุ่มผู้ขายรายกลางและรายย่อยในพื้นที่แพร่ระบาด โดยจะใช้วิธีใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ในการขนลำเลียง มีรถนำ/สำรวจเส้นทาง และรถตามคุ้มกัน ตลอดจากต้นทางจนถึงจุดหมายปลายทาง
ต่อมาในวันที่ 27 เมษายน 2560 ระหว่างเวลา 03.00-07.00 น. วัน เวลา ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการจับกุมนายศักดิ์ชัย แซ่ย่าง และนายย่าฟ่าตี่ แซ่ย่าง พร้อมด้วยของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษ 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,008 มัด ประมาณ 4,016,000 เม็ด , ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 100 กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 49 กิโลกรัม ที่ตรวจยึดได้ภายในรถยนต์ เชฟโรเลต ทะเบียนป้ายแดง ก-8889 ปทุมธานี พร้อมทั้งตรวจยึด รถยนต์เก๋งฮอนด้า ทะเบียน กร-5008 เชียงราย และรถยนต์กระบะ อีซูซุ ผข-6415 เชียงราย ไว้เป็นของกลาง ต่อมาได้นำตังผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวนฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ต้องหาที่หลบหนี จำนวน 3 คน ซึ่งรู้ตัวหมดแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอต่อศาลอาญาให้ออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 : เมื่อวันที่ 27-28 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.4 ร่วมกับ บก.ขส., กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี, สภ.โคกขาม และเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 7 ร่วมกันจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยมีรายละเอียดดังนี้
จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 6 คน
1. นายจักกรี หรือป้อง อุ่นสำราญอายุ 31 ปี ที่อยู่ 42 หมู่ 3 ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จว.ตาก
2. นายวันเฉลิม หรือต้น นาคภักดี อายุ 29 ปี ที่อยู่ 77 ซอยคู้บอน 21 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม.
3. นายเสรินทร์ หรือเส ยาเพ็ชรน้อย อายุ 32 ปี ที่อยู่ 59 หมู่ 5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี
4. นายทันณกร หรือโห้ สุ่มทอง อายุ 32 ปี ที่อยู่ 139 หมู่ 7 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จว.ชัยนาท
5. นายศานิต หรือตึก อิสสอาด อายุ 34 ปี ที่อยู่ 75 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จว.สุพรรณบุรี
6. น.ส.ชุติมา หรือปลื้ม เทกอง อายุ 18 ปี ที่อยู่ 132/2 หมู่ 3 ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จว.สุพรรณบุรี พร้อมของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 401,531 เม็ด
2. รถยนต์ จำนวน 3 คัน
3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
4. อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ CZ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียนปืน
5. เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 9 นัด
ทรัพย์สินยึดไว้ตรวจสอบ
1. รถยนต์ จำนวน 1 คัน
2. สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำนวน 5 เล่ม
3. สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 2 เล่ม
4. บัตร ATM กรุงไทย จำนวน 2 ใบ
5. บัตร ATM ธนาคารไทยพานิชย์ จำนวน 1 ใบ
รวมมูลค่าทรัพย์สิน มูลค่า 4,500,000 บาท
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” (ผู้ต้องหาที่ 1-6) แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่ 5 เพิ่มเติมว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว” แจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่ 1 ให้ทราบเพิ่มเติมว่า “กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแต่จำเลยหลบหนี”
(ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 396/2559 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2559) และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่ 3 เพิ่มเติมว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพระราม 2 ที่อยู่ 59 หมู่ 5 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จว.สมุทรสงคราม (จับกุมผู้ต้องหาที่ 3,4,5,6) ต่อเนื่องบริเวณลานจอดรถยนต์ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาศาลายา ต.บางเตย อ.สามพราน จว.นครปฐม (จับกุมผู้ต้องหาที่ 1,2) ต่อเนื่องบริเวณบ้านเลขที่ 59 หมู่ 5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี ได้ตรวจยึดยาบ้าเพิ่มเติม จำนวน 1,531 เม็ด (ของผู้ต้องหาที่ 3)
พฤติการณ์แห่งคดี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนหาข่าว จนทราบว่า นายโจ หรือต้น (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 40-50 ปี เป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่านายโจหรือต้นมีการโทรศัพท์ตกลงซื้อขายยาบ้ากัน จำนวน 200 มัด (ประมาณ 400,000 เม็ด) ราคามัดละ 60,000 บาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท และนัดส่งมอบยาบ้าในวันที่ 27 เมษายน 2560 เวลาช่วงบ่ายๆ ในพื้นที่แถว กรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง
ต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2560 เวลาประมาณ 16.30 น. นายโจหรือต้น ได้โทรศัพท์นัดให้นำเงินค่ายาบ้าไปให้ นายจักกรี หรือป้อง อุ่นสำราญ (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) ตรวจนับดู โดยนัดหมายดูเงินกันในเวลาประมาณ 18.00 น. ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาศาลายา ต.บางเตย อ.สามพราน จว.นครปฐม ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. นายจักกรี กับ นายวันเฉลิม หรือต้น นาคภักดี (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) ได้เดินทางมาถึงร้านอาหาร KFC ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลฯ เพื่อตรวจนับเงิน และต่อมาเวลาประมาณ 20.20 น. นายโจ หรือต้น แจ้งว่าจะให้ลูกน้องนำยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ไปส่งมอบที่บริเวณริมถนนพระราม 2 ขาออก หลัก กม. ที่ 70-80 ต.วันดาว อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี ในเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ไปซุ่มสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว กระทั่งพบยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ซุกซ่อนไว้บริเวณคอสะพานข้ามทางรถไฟริมถนนพระราม 2 ขาออก กม.ที่ 81+100 ต.วันดาว อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสังเกตเห็นรถยนต์ จำนวน 2 คัน จอดอยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้ามกับจุดพบยาบ้า คาดว่าเป็นรถยนต์ที่นำยาบ้ามาวางไว้ เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยติดตามเพื่อเข้าแสดงตัวขอตรวจค้น ระหว่างนั้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ได้ขับเข้าไปจอดบริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนพระราม 2 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จว.สมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการตรวจค้นผู้ที่อยู่ในรถยนต์ทั้ง 2 คัน ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือเชื่อมโยงเกี่ยวกับการซื้อขายยาเสพติดกัน จากการสอบถามนายเสรินทร์ หรือเส ยาเพ็ชรน้อย (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) รับว่าตนเองกับนายทันณกร หรือโห้ สุ่มทอง (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) เป็นคนนำยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด ไปวางไว้บริเวณคอสะพานข้ามทางรถไฟโดยมีนายศานิต หรือตึก อิสสะอาด (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) และน.ส.ชุติมา หรือปลื้ม เทกอง (ทราบชื่อ-สกุลภายหลังจับกุม) เป็นผู้ทำหน้าที่ขับรถนำทางคอยสอดส่องดูด่านตรวจและคุ้มกันรถยนต์ของตนขณะนำยาบ้าไปวางบริเวณดังกล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 22.40 น. นายจักกรีได้มารับเงินค่ายาบ้าส่วนนายวันเฉลิม นั่งในรถยนต์ซึ่งห่างจากจุด รับเงินประมาณ 10 เมตร เพื่อช่วยคอยดูต้นทางให้นายจักกรี เมื่อนายจักกรีได้รับเงินค่ายาบ้าแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงจึงเข้าทำการจับกุมตัวนายจักกรีและนายวันเฉลิม จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมด นายเสรินทร์ (ผู้ต้องหาที่ 3) ให้การยอมรับว่ายังมียาบ้าเหลืออยู่ที่บ้านพักของตนเองที่บ้านเลขที่ 59 ม.5 ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จว.สุพรรณบุรี ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2560 เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 1,531 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้เสื่อน้ำมันภายในบ้าน จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 ดำเนินคดี และจักได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมบุคคลในเครือข่ายต่อไป
คดีที่ 3 : เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ศุลกากร ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ฝ่ายสืบสวนปราบปราม 3 กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหาจับคดียาเสพติด (รายสำคัญ) จำนวน 1 คน คือ นายโนเวอร์เดียน สุเทียนซาห์ สุเท็ดโจ้ (MR.NOVERDIAN SUTIANSHAH SUTEDJO) อายุ 38 ปี สัญชาติ อินโดนีเซีย เกิดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2522 ถือหนังสือเดินทางประเทศอินโดนีเซียหมายเลข X081352 พร้อมของกลาง ยาอี จำนวน 1,514 เม็ด, ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.5 กรัม และกัญชาแห้ง น้ำหนักประมาณ 4 กรัม จับกุมผู้ต้องหาบริเวณด้านหน้าล๊อบบี้ อาคารชุดเดอะเมทคอนโดมิเนียม เวลาประมาณ 13.50 น. ต่อเนื่องตรวจค้นห้องพักเลขที่ 123/149 อาคารชุดเดอะเมทคอนโดมิเนียม แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กทม. เวลาประมาณ 14.10 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2560 โดยกล่าวหาว่า นำยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย” และแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไอซ์ เอ็กซ์ตาซี่หรือยาอี และยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย”
พฤติการณ์แห่งการจับกุม การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 15 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาเสพติด (ยาอี) จำนวน 200 เม็ด ที่คลังสินค้าของบริษัทขนส่งสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ ซึ่งถูกส่งมาจากประเทศออสเตรีย โดยมีที่อยู่จัดส่งปลายทาง ระบุผู้รับปลายทางเป็นตู้จดหมายของบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าตู้จดหมาย อยู่ที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี และต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2560 ได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ซุกซ่อนยาเสพติด (ยาอี) จำนวน 100 เม็ด ถูกส่งมาจากประเทศเยอรมันนี ปลายทางระบุเป็นตู้รับจดหมาย ณ บริษัทให้เช่าตู้จดหมายอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนสีลม กทม. โดยระบุผู้รับเป็นผู้เช่าตู้จดหมายดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เช่าใช้บริการตู้จดหมายทั้งสองแห่งเป็นบุคคลเดียวกัน
ต่อมา (วันที่ 29 เมษายน 2560) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการส่งยาอีจากประเทศเยอรมนี เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดจนกระทั่ง ในวันที่ 30 เมษายน 2560 ได้ร่วมกันจับกุม นายโนเวอร์เดียน สุเทียนชาห์ สุเท็ดโจ้ (MR.NOVERDIAN SUTIANSHAH SUTEDJO) อายุ 38 ปี สัญชาติอินโดนีเซีย พร้อมของกลางยาอี จำนวน 1,507 เม็ด เหตุเกิดที่บริเวณด้านหน้าล๊อบบี้ อาคารชุด เดอะเมทคอนโดมิเนียม แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กทม. ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 123/149 พบ ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.5 กรัม กัญชาแห้ง 4 กรัม และยาอี 7 เม็ด (รวมยาอีทั้งหมด 1,514 เม็ด)
คดีที่ 4 : เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 บก.สกส.บช.ปส. ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 1 ราย คือ นายเอีย มิ้งไซย หรือเอก ภูมิลำเนา แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ในฐานความผิด “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันนำเข้า ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน”
หมายศาลอาญา ที่ 19/2560 ลงวันที่ 25 มกราคม สถานที่จับกุม อ.เมือง จว.มุกดาหาร
พฤติการณ์แห่งการจับกุม นายเอีย มิ้งไซย มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว จำนวน 6 ครั้ง โดยนายเอีย มิ้งไซย เป็นกลุ่มของท้าวอุไท คำอวน ซึ่งเป็นเครือข่ายของท้าวสีสุก ดาวเรือง และท้าวไซซะนะ แก้วพิมพา ซึ่งจากการสืบสวนติดตามก่อนจับกุมของ บช.ปส. พบว่านายเอีย มิ้งไซย ยังทำหน้าที่ข้ามมาฝั่งไทยด้าน จว.มุกดาหาร เพื่อทำหน้าที่กดเงินจากตู้ ATM ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในตัวเมือง จว.มุกดาหาร และนำเงินสดข้ามกลับไปยังแขวงสะหวัดนะเขต สปป.ลาว ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นเงินค่ายาเสพติดที่โอนมาจากทางจังหวัดภาคใต้ของไทย
สรุปผลการปฏิบัติการปิดล้อมตามแผนชัยยะ สยบไพรี 60/4
จำนวน 31 จุด เมื่อวันที่ 2 พ.ค.60พื้นที่ที่จะทำการตรวจค้นเป้าหมาย (เขตจังหวัด) รวม เป้าหมายจะตรวจค้น อุดรธานี หนองคาย
ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กรุงเทพฯ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี
จับกุมได้ผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย จับกุมตามหมายจับ จำนวน 2 ราย
นายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หมายจับศาลอาญาที่ 130/2560
ที่ ถ.โพนพิสัย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จว.อุดรธานี.นายเอีย มิ้งไซย หรือเอก ภูมิลำเนา แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว
หมายศาลอาญา ที่ 19/2560 ลงวันที่ 25 ม.ค. 2560 (หมาย บก.ปส.3 เลขคดี 96/2559) สถานที่จับกุม อ.เมือง จว.มุกดาหาร
จับกุมพร้อมของกลาง จำนวน 3 รายนายซัมรี เจ๊ะอาเด๊ะ อายุ 26 ปี
นายซูฮา เม๊าะมากอ อายุ 23 ปี นายบุญมา จันทะชาติ อายุ 59 ปี
พร้อมของกลางยาบ้า 100 เม็ด น้ำต้มพืชกระท่อม 0.5 กก.อาวุธปืนแก๊ปไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้น 9 มม. ยี่ห้อ CZ 1กระบอกตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อทำการ
ตรวจสอบตามพรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 จำนวน 26 รายการ และทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ในระหว่างการตรวจยึดเพิ่มเติมทรัพย์สินตรวจยึดได้ รวมมูลค่า 70 ล้านบาทเศษ1.รถยนต์ รวม 10 คัน
1.รถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้ายาริส หมายเลขทะเบียน กค 1777 หนองบัวลำภู
ราคาประมาณ 300,000 บาท
2.รถเก๋ง MERCEDES BENZ สีขาว กต 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 3,280,000 บาท
3.รถเก๋ง PORSCHE 718 CAYMAN สีขาว กล 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 7,000,000 บาท
4.รถเก๋ง BENTLEY สีเทาเข้ม ป้ายแดง ท 8821 กทม. ราคาประเมิน 17,000,000 บาท
5.รถเก๋ง TOYOTA สีเทา กว 199 อุดรธานี ราคาประเมิน 1,700,000 บาท
6.รถแวน HONDA สีดำ กฉ 199 อุดรธานี ราคาประเมิน1,000,000 บาท
7.รถเก๋ง BMW X1 สีขาว ญร 59 กทม. ราคาประเมิน 2,300,000 บาท
8.รถเก๋ง MINI COOPER กธ 199 อุดรธานี ราคาประเมิน2,900,000 บาท
9.รถเก๋ง HONDA สีขาว กฒ 5520 กทม. ราคาประเมิน600,000 บาท
10.รถจักรยานยนต์ HONDA สีน้ำเงิน คจม 99 อุดรธานี ราคาประเมิน 120,000 บาท
2.โฉนดที่ดิน รวม 2 โฉนด
1.โฉนดที่ดิน เลขที่ 190028 เล่ม 1901 หน้า 28 อ.เมือง จว.อุดรธานี เนื้อที่ 1 งาน 073
ตารางวา เอกสารสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมใบเสร็จจ่ายเงิน ราคาประมาณ 3,000,000 บาท ราคาบ้านพร้อมตกแต่ง 17,000,000 ล้าน รวมราคาทรัพย์สินประมาณ 20,000,000 บาท
2.โฉนดที่ดินเลขที่ 19632 เนื้อที่ประมาณ 52 ตร.ว. พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประมาณ 5,000,000 บาท
3.อื่นๆ จำนวน 14 รายการ
1.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ ASUS จำนวน 1 เครื่อง
2. โน๊คบุ๊ค AZUZ จำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 22,000 บาท
3.IPAD ราคาประมาณ 2,000 บาท
4. โทรศัพท์ ยี่ห้อ ซัมซุง โน้ต 3 จำนวน 1 เครื่อง ราคาประมาณ 23,000 บาท ,
เบอร์ 0962575182
5.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ ราคา ประมาณ 50 บาท
6.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO ราคาประมาณ 5,000 บาท
7.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน ราคาประมาณ 15,000 บาท
8.ไม้แปรรูป 308 แผ่น, 40 ท่อน ราคาประเมิน 500,000 บาท
9.โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง สีดำ ไม่มีซิม จำนวน 1 เครื่อง
10.กล่องโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 7 ซึ่งเป็นของนายรัชพลฯซื้อมาใช้จากร้านที่ กทม. 1 กล่อง
11.WIFI ยี่ห้อหัวเวย พร้อมซิมสีดำ 1 อัน
12.WIFi ยี่ห้อ หัวเวย พร้อมซิมสีขาว 1 อัน
13.การ์ดพลาสติก สีดำ จำนวน 1 ใบ14.ซิมของ AIS หมายเลข 095-9951989 ซึ่งเป็นซิมที่ นายรัชพลฯ ใช้อยู่ปัจจุบัน
เอกสาร
1.เอกสารบริษัทขันติธโรการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ระหว่างประเทศ จำกัด รวม 19 ชุด
2.สำเนา น.ส.3 ก. เลขที่ดิน ค ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี จว.อุดรธานี หมายเลข 55413 I
3.สมุดเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3 เล่ม
4.สมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3 เล่ม
5.สมุดเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำนวน 2 เล่ม
6.สมุดเงินฝากธนาคารออมสิน จำนวน 1 เล่ม
7.สมุดเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1 เล่ม
8.บัตรอิเล็กทรอนิคส์ (ATM) จำนวน 7 อัน
9. สมุดบัญชี ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี นายจิตกร ยาเพชร หมายเลขบัญชี 522-2-36264-9 จำนวน 2 เล่ม
หมายเลขบัญชี 280-2-80769-9 จำนวน 2 เล่ม
10.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดบ้านห้วย หมายเลข 417-2-36592-8
11.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดบ้านห้วย หมายเลข 417-2-36404-2
12.หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า 17 บริษัท
13.หนังสือสัญญาขายที่ดิน 1 ฉบับ
14.หนังสือมอบอำนาจที่ดิน 4 ฉบับ
15.สำเนาโฉนดที่ดิน 1 ฉบับ
16.แบบบ้านพักอาศัย ของ น.ส.ปณิศรา ศิลปะพงษ์ จำนวน 1 เล่ม รวม 21 รายการ
17.สมุดเงินฝากธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ เลขที่ 512-211536-6 ชื่อนายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ มีเงินคงเหลือในบัญชี 38,734.10 บาท จำนวน 1 เล่ม
18.สลิปของธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 ใบ
19.เอกสารธนาคาร ยูโอบี 1 ฉบับ
20.เอกสารประกันภัยอยุธยาอลีอัน 1 ฉบับ
21.ใบแจ้งค่าบริการ AIS 1 ฉบับ
22.เอกสารเมืองไทยประกันชีวิต 1 ฉบับ
23.ใบกำกับภาษี MSIC 1 ฉบับ
24.เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน 3 ฉบับ
25.สำเนาทะเบียนรถ 2 ฉบับ
26.หนังสือรับมอบรถยนต์ 1 ฉบับ
27.หนังสือจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม 2 ฉบับ
28.เอกสารปะหน้าเอกสารรายการที่ 11 เกี่ยวกับใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล
29.เอกสารใบผ่อนชำระคอนโดมิเนียม เลขที่สัญญา CT-UE-U004-16000041 รหัสห้อง UC-U004-AA-04-0012 ประเภทห้อง B8A