สสท. จัดคุยข่าวผ่าน FACEBOOK LIVE ทำหน้าที่สะท้อนปัญหาขบวนการสหกรณ์สู่การแก้ไขทั้งระบบ วิงวอนภาครัฐผ่อนปรนหนี้เผื่อสงสัยจะสูญ และฝากเตือนพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ ดำเนินงานอย่างรอบคอบ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ได้คุยในช่วงคุยข่าว ไลฟ์สดเรื่องการประมาณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินและการปรับโครงสร้างหนี้ของสมาชิกสหกรณ์ว่า ในช่วงนี้มเป็นสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะฉุกเฉิน อันดับแรกต้องขอขอบคุณนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ และนายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ออกหนังสือมาหลายฉบับ โดยฉบับแรกตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา กรณีที่สหกรณ์ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ได้ ก็ให้ขยับไป ส่วนกรรมการที่อยู่ในวาระคงแค่ 150 วัน และหลังจากสิ้นปีบัญชี ก็ขยายให้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ณ เวลานี้ เราอาจจำเป็นจะต้องใช้มาตรการอย่างนี้ไปซักระยะหนึ่ง ทั้งนี้ จากการที่สันนิบาตสหกรณ์ฯ ได้พยายามเรียกร้องในหลายๆ เรื่อง และได้รับการตอบสนองกลับมา จากทั้ง 2 กรมด้วยดี มีการดำเนินการที่อาจจะตรงกันอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่องของการช่วยเหลือสมาชิกในการพักชำระหนี้ การให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สิน และการปรับโครงสร้างแก่สมาชิกสหกรณ์ตามประกาศของกรมส่งเสริมสหกรณ์ (ฉบับลงวันที่ 30 มีนาคม 2563) เรื่องของการกู้ การปรับโครงสร้างหนี้ เรื่องระยะเวลาการชำระหนี้ แต่มีข้อสังเกต คือเรื่องการพักการชำระหนี้ หากสหกรณ์ของท่านมีเงินทุน ทุนเรือนหุ้น กับเงินรับฝากที่พอดีกับเงินให้สมาชิกกู้ ถ้าสหกรณ์พักชำระหนี้ทั้งจำนวนของเงินกู้ที่สมาชิกจะต้องส่ง ท่านต้องระวังกระแสเงินสดที่จะไหลเข้า ไหลออก ซึ่งสหกรณ์อาจจะเสียหาย เพราะฉะนั้นสหกรณ์ที่มีทุนเรือนหุ้นและเงินรับฝากหรือมีเงินกู้มากๆ การพักชำระหนี้ต้องระมัดระวัง ส่วนการลดดอกเบี้ยทั้งระบบ 50 สตางค์ สามารถทำได้ แต่ในขณะเดียวกันต้องคิดต้นทุนด้วยว่าปีนี้ จะลดลงไปเท่าไร ดอกเบี้ยลดลง ปันผลต้องลด สันนิบาตสหกรณ์ฯ โดยฝ่ายวิชาการได้วิเคราะห์แล้วว่า ในช่วงที่สหกรณ์กำลังประสบปัญหาทางออกหนึ่ง คือ ต้องจ่ายเงินปันผลที่เหมาะสม สำหรับปีนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 บาท เพราะว่าดอกเบี้ยนโยบายก็เหลือ 75 สตางค์ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงที่บอกว่า ควรมีดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่า ดอกเบี้ยนโยบาย ประมาณ 3 บาท ฉะนั้นเงินปันผลจึงควรอยู่ที่ 4 บาทน่าจะเหมาะสม อันนี้เป็นหลักคิด ซึ่งอยากให้เพื่อนสมาชิกได้กลับไปทบทวน ขณะนี้แม้แต่ระบบธนาคารเองยังพยายามช่วยลูกค้า ดังนั้นระบบสหกรณ์ก็ควรที่จะคิด วิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันหากสหกรณ์ จะลดต้นควรจะให้สมาชิกชำระต้นอย่างน้อย 70% เพื่อความปลอดภัย หมายความว่า งดต้นสัก 30 เข้ามา 70 เพื่อกระแสเงินสดของสหกรณ์เดินต่อไปได้ คือหลักคิด ซึ่งสันนิบาตสหกรณ์ฯ มีความห่วงใย ถึงแม้กรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนายทะเบียนสหกรณ์จะให้พักได้ แต่อยากจะฝากไว้บางสหกรณ์ทำได้ หากสหกรณ์มีทุนสำรองครึ่งหนึ่งของทุนเรือนหุ้น แต่ถ้าสหกรณ์ไหนที่กู้เยอะๆ สหกรณ์ไหนที่เงินพอดี ทุนพอดีกับการให้กู้ ก็ขอให้สหกรณ์พึงระมัดระวัง "อยากเชิญชวนสหกรณ์ทั้งระบบ ที่สามารถปันผลได้ ประกาศประกันเงินปันผลอยู่ที่ 4 บาท เหมือนกับสหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ซึ่งเขาประกาศให้สมาชิกทราบว่า จากสถานการณ์โควิด 19 รวมถึงระบบเศรษฐกิจที่หยุดกันทั้งโลก วันนี้หยุดโลก ไม่ได้หยุดแต่ประเทศไทย ก็อยากให้สหกรณ์หันกลับไปทบทวน ถึงการดำเนินงาน"ประธานกรรมการ สสท. กล่าว อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงทั้ง 2 กรม ขอบคุณสำหรับการผ่อนปรนเรื่องหนี้เผื่อสงสัยจะสูญในช่วงโควิด-19 แต่อยากจะขอฝากเพิ่มอีกเรื่องคือ หนี้เผื่อสงสัยจะสูญที่ค้างเก่า โดยเฉพาะที่สหกรณ์ปิดบัญชีแล้ว แต่ยังไม่ได้ประชุมใหญ่ ขอให้ช่วยผ่อนปรน เป็นช่วงระยะเวลา เป็นเปอร์เซ็นต์ ปีละ 20% หรือ 30% อย่าเพิ่งตัดทั้ง 100% เพราะว่าถ้าตัดทั้ง 100% เชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้า สหกรณ์จะมีปัญหามาก อย่างเช่น สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง ขณะนี้ปันผลไม่ได้เลย สมาชิกก็โวยวายตอนนี้ยังประชุมไม่ได้ จึงอยากขอให้มีการทบทวนอีกครั้ง เพื่อเป็นมาตรการพิเศษที่จะช่วยเหลือ อย่างน้อยให้สหกรณ์สามารถปันผลได้ เพื่อให้สหกรณ์มีเงินช่วยเหลือสมาชิก วันนี้เศรษฐกิจฐานรากจะฟื้นตัวได้ จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ อยู่ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงอยากวิงวอนขอให้สหกรณ์ได้รับการผ่อนผันมากที่สุด เพราะแม้แต่สถานธนานุบาล ยังขยับระยะเวลาเป็น 8 เดือน ธนาคารยังช่วยเหลือลูกค้า จึงอยากขอให้ผ่อนผันสักครึ่งหนึ่งก่อน ให้สามารถปันผลได้ 2 บาท 3 บาท ยังดีกว่าปันผลไม่ได้ วันนี้เราจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน จะผ่านวิกฤตนี้ ทั้ง 12 ล้านครัวเรือน 7 พันกว่าสหกรณ์ และขอย้ำว่า “สันนิบาตสหกรณ์ จะไม่ทิ้งสหกรณ์ใด สหกรณ์หนึ่งไว้ข้างหลัง”