นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษในวันนี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจระยะ 3 ชุดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกมิติในระยะ 6 เดือน แบ่งมาตรการเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม 1 เยียวยาดูแลภาคประชาชนและธุรกิจส่วนที่ยังขาดอยู่เพื่อให้ครอบคลุมครบถ้วน,กลุ่ม 2 ดูแลให้มีกิจกรรมเศรษฐกิจในช่วงที่ทุกอย่างติดขัด เพื่อไม่ให้เศรษกิจไทยหยุดชะงักในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า,กลุ่ม 3 ดูแลภาคเศรษฐกิจการเงิน เพราะทุกครั้งที่เกิดปัญหากับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงย่อมส่งผลกระทบไปถึงภาคการเงินด้วย แม้ว่าขณะนี้ทุกอย่างยังไม่มีปัญหา แต่เพื่อความไม่ประมาท รัฐบาลจึงได้คิดมาตรการเพื่อให้ครอบคลุมครบถ้วน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะทำโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เหมือนที่เคยทำมา โดย ธปท.จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบอย่างเป็นทางการพร้อมพระราชกำหนดในวันที่ 7 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ชุดมาตรการที่ออกมารอบนี้จะมีความครอบคลุมในทุกมิติ โดยมาตรการทั้ง 3 ส่วนนี้ มีทั้งการดูแลเยียวยาประชาชน,การดูแลเศรษฐกิจในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าไม่ให้หยุดนิ่ง และการรักษาระบบเศรษฐกิจเพื่อให้กลไกทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปได้ ทั้งหมดนี้วงเงินที่ใช้อาจจะมีความใกล้เคียงกับรัฐบาลของประเทศอื่นๆได้ดำเนินการ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP อย่างไรก็ดี วงเงินในการทำมาตรการทั้งหมดนี้ในทางปฏิบัติแล้วส่วนหนึ่งจะต้องนำมาจากงบประมาณรายจ่ายของประเทศ เพราะต้องการให้มีการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาให้แก่บ้านเมือง คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของจำนวนงบประมาณในส่วนที่สามารถนำมาใช้ได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับมา อีกส่วนหนึ่งจะมาจากการกู้ยืมโดยกระทรวงการคลัง เพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลประชาชน และจากการออก พ.ร.ก.ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยทั้งหมดนี้จะเป็นเม็ดเงินจำนวนเท่าไร คงต้องรอให้ผ่าน ครม.ก่อน ซึ่งต้องเจรจากับทางสำนักงบประมาณด้วย เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และภาคธุรกิจได้ว่าเราจะก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปได้ ภาคเศรษฐกิจจริงจะต้องคู่กับการเงินเสมอ ดังนั้นต้องไม่ปล่อยให้มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นในอนาคต เรายินดีจะทำให้ครอบคลุมและป้องกันไว้ก่อนเพื่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษวันนี้ ยังได้มีการหารือถึงการให้แต่ละกระทรวงแบ่งงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรราว 10% มาใช้ช่วยแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกกระทรวงแสดงความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ ส่วนวงเงินงบประมาณจะเป็นเท่าใดนั้นจะต้องมีการหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง