“บิ๊กตู่” ลุยถก“ศบค.”สู้โควิด-19 ย้ำจนท.ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการตามมาตรการของรัฐบาล “หมอทวีศิลป์” แย้มประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ 22.00-04.00น. ดีเดย์ 3 เมษาฯ เผยนายกฯ สั่งห้าม “คนไทย-ต่างชาติ”เข้าประเทศถึง15 เม.ย. หลังพบผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศ ด้าน “ปปช.”ผวา! กักตัว “ผู้บริหาร-จนท.” กว่า 300 คน เฝ้าสังเกตอาการหลังพบไวรัสระบาดพื้นที่นนท์ฯ ส่วน “เลขาฯ-รองเลขาฯ” ยอมกักตัวเองเฝ้าดูอาการหลังจนท.ศบค.ติดเชื้อ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 เม.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19) หรือศบค. พร้อมเชื่อมสัญญาณวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และมาตรการต่างๆที่ออกไปแล้ว โดยย้ำให้บูรณาการทำงานร่วมกัน ส่วน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์ ศบค. แถลงว่า นายกฯได้สั่งการในที่ประชุม ศบค.ว่าเพื่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจึงสั่งการให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการห้ามคนต่างชาติและคนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันนี้ (2เม.ย.)เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15เม.ย. เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เมื่อถามถึงกระแสข่าวการออกประกาศเคอร์ฟิวต่างๆ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอให้ติดตามทางหน้าจอทีวี ทั้ง นี้การติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นายกฯ เคยพูดถึงมาตรการจากเบาไปหาหนักตั้งแต่ต้น วันนี้ขอให้ผู้ชมติดตามเวลา ที่จะมีการประกาศกันอีกทีตามหน้าจอทีวี เพื่อรับทราบและร่วมมือกัน เราต้องผนึกใจกันเป็นหนึ่ง โดยนายกฯ จะมากล่าวด้วยตัวเอง วันนี้คงต้องติดตามกันตรงนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรมควบคุมโรคมีการวิเคราะห์ข้อมูลสำรวจประชาชรกว่า 1.4 แสนคน เมื่อวันที่ 24-25 มี.ค. โดยสำรวจออนไลน์เรื่องความร่วมมือประชาชนใน 77 จังหวัด ที่มีต่อมาตรการรัฐบาลว่าป้องกันตัวเองแค่ไหน พบว่า ในเรื่องของใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทำ 94.03% ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ 90.47% ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล 85% ส่วนมาตรการรักษาระยะห่างคนอื่น 1-2 เมตร ทำแค่ 64.81% เลี่ยงสัมผัสจมูกตาปาก 57% รายงานข่าวจาก ศบค. เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมได้มีการหารือกันว่า หลังการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ปรากฏว่ายังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากยังคงปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นเดิมอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทำให้นายกฯ อาจต้องบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เต็มรูปแบบ ตามข้อเสนอจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดยเฉพาะการประกาศเคอร์ฟิว หรือห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานทั่วประเทศในช่วงเวลาประมาณ 22.00-04.00 น. ทุกวัน เริ่ม 3 เม.ย.เป็นต้นไป ด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 3 เม.ย.นี้จะมีการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะพิจารณา ให้ความช่วยเหลือประชาชน และมาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งรับฟังข้อมูลการเยียวยาจากทุกกระทรวง เพื่อกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม สำหรับการออกมาตรการระยะที่ 3 และ 4 นอกจากที่ประชุม จะหารือถึงแหล่งเงิน สำหรับกรอบวงเงิน งบประมาณดังกล่าวว่าจะมาจากแหล่งใด พร้อมยืนยัน ว่า นายกฯ ได้ประเมินสถานการณ์ทุกวัน ภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงกระทรวงมหาดไทยและแต่จังหวัดได้ประเมินร่วมกันว่า มาตรการในแต่ละจังหวัดเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากไม่เพียงพอสามารถเพิ่มมาตรการได้ทันที รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ผวจ.นนทบุรี ได้มีคำสั่งปิดสถานที่ในพื้นที่ จ.นนทบุรีเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.63 จำนวน 37 แห่งไปแล้ว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นโดยส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งตั้งอยู่ที่ ‬อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้ปรับมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโดยนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาฯ ป.ป.ช. ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด แจ้งผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยระบุว่า ขณะนี้ ปรากฏว่ามีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน มีที่พักและได้พักอาศัยอยู่ในอาคารเดียวกัน กับบุคคลผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีมาตรการ 2 ข้อ คือ 1.กรณีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ ที่พักอาศัยในอาคารเดียวกับบุคคลที่ได้รับการตรวจและได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลว่าบุคคลนั้นติดเชื้อโควิด-19 ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ผู้นั้น หยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และ 2.กรณี ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฎิบัติงานใกล้ชิดกับข้าราชการ ที่จะต้องหยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ดังกล่าวข้างต้นให้ ผู้นั้นหยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 5 วัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ผู้ต้องกักตัวผู้ที่บ้านมีจำนวน 17 ราย แต่ผู้ที่ต้องหยุดพักกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 5 วัน มีมากถึง 200-300 คน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ศบค. ได้กักตัวเอง เพื่อสังเกตอาการ เช่นเดียวกับ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯที่กักตัวเพื่อสัง เกตอาการอยู่ที่บ้าน อหลังพบผู้ปฏิบัติงานในศบค. ติดเชื้อไวรัสและมีการกักตัวผู้ใกล้ชิดหลายราย ส่วนนายกฯ ได้มีการตรวจร่างกาย และ วัดอุณหภูมิเป็นประจำ ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี ทำงานได้ตามปกติ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทางผู้ว่าฯ ได้ออกประกาศสั่งล็อคดาวน์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยสั่งห้ามออกนอกพื้นที่และเข้าพื้นที่อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทั้ง ภูเก็ต พังงา ยะลา จันทรบุรี สตูล เป็นต้น ส่วนที่ จ.สมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ได้ออกคำสั่งหลังยังพบประชาชน ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หากประชาชนฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรา 51 พ.ร.บ.โรคติดต่อ ปี 255 8 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท