กทม.ประกาศเคอร์ฟิว “ร้านค้า-รถเข็นข้างทาง” ปิดตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตี 5 สู้ “โควิด-19” ระบาดไม่หยุด จ่อออกมาตราการคุม “วินจยย.-คนส่งอาหารเดลิเวอรี่” ด้านตำรวจ ขู่ฟันไม่เลี้ยง เน้นโทษหนักสุด ไม่รอลงอาญาพวกแหกมาตรการพ.ร.ก.ฉุกเฉิน “ฝ่ายค้าน” ประกาศพร้อมร่วมมือรบ.ฝ่าวิกฤติโควิด-19 หนุนรัฐใช้มาตรการเข้ม ด้าน“เทพไท” วอนนายกฯใช้อำนาจเบ็ดเสร็จตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปรับราคาค่าโดยสาร-ราคาสินค้า ขณะที่ “พลังท้องถิ่นไท”แนะพลิกวิกฤติโควิด-19เป็นโอกาสเสนอรัฐบาลทุ่มงบช่วยเกษตรกรดันประเทศไทยขึ้นเป็นครัวโลกอย่างแท้จริง ชี้ไวรัสมรณะทำโลกสั่นสะเทือน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.63 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติด ต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 7/2563 ว่า คณะกรรมการฯ ได้หารือมาตรการเพิ่มเติมเพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 โดยพิจารณาประเด็นต่างๆ ซึ่งจะมีการออกประกาศกรุงเทพมหานคร สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวฉบับ ที่ 5 ในวันนี้(1เม.ย.) คือให้ร้านทุกร้านในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงรถเข็นขายอาหารข้างทาง ต้องปิดตั้งแต่เวลา 24.0 0-05.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป โดยกทม.จะร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งด่านตรวจทั่วกรุงเทพฯ ส่วนของวินจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงคนส่งอาหารเดลิเวอรี่ของทุกกิจการ ทางกทม.จะออกข้อกำหนดให้ทุกคนปฏิบัติตาม สำหรับประเด็นมี่ทางกระทรวงมหาดไทยได้แนะนำเรื่องร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ให้อนุญาตเปิดได้นั้น ทางคณะกรรมการโรคติดต่อกทม.พิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้เปิด “การประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศแต่อย่างใด และหากมีการประกาศก็จะออกมาจากส่วนกลางเพราะถือเป็นอำนาจของส่วนกลางโดยรัฐบาล” ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า จากการปฏิบัติงานตลอดระเวลา 4-5 วัน ที่ผ่านมา หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินพบว่ายังมีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำ หนด ประกาศ และกฎหมาย มีหลายกรณีที่ไปมั่วสุม ตั้งวงสังสรรค์ ถือว่าเป็นความผิดรุนแรงโดย ผบ.ตร.ให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เร่งรัดดำเนินคดีและสั่งฟ้องทุกข้อหาและให้ลงโทษสถานหนัก ไม่ต้องรอลงอาญา พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า กรณีที่มีการประกาศห้ามนอกพื้นที่ เช่น นนทบุรี ที่มีการประกาศห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00–05.00 น. เป็นการขอความร่วมมือประชาชน ยกเว้นกลุ่มที่มีความจำเป็น เช่น การขนส่งสินค้า การขนส่งเวชภัณฑ์ สามารถทำได้ ส่วนประชาชนทั่วไป เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลากลางคืน คนปกติจะอยู่บ้าน ถ้าทำงานอยู่ กทม. ช่วงเช้าสามารถเดินทางได้ ส่วนด่านคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้มี 409 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีด่านเคลื่อนที่เร็วตามจุดต่างๆ ซึ่งจะแนะนำประชาชนให้ทำตามมาตรการ หากเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องดำเนินคดี ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์ว่า “สถานการณ์ของบ้านเมืองในวันนี้เจอโจทย์ปัญหาที่ใหญ่ และหนัก จากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือ กับรัฐบาลทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณ การออกกฎหมายเร่งด่วน และการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ เพื่อเราจะได้ฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน วันนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องมีความเด็ดขาดและชัดเจนโปร่งใสเพื่อยับยั้งไวรัสโค วิด-19 ไม่ให้ลุกลามมากจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรับมืออย่างประเทศอิตาลีและในฐานะของผู้นำฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังเสียงของประชาชน และประชาชนก็ต้องร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเคร่งครัด นี่คือเวลาที่จะหันหน้าเข้ามาร่วมมือกัน ช่วยนำพาประเทศ ให้พ้นจากวิกฤติ” ส่วน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“จากการแพร่ระ บาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พี่น้องประชาชนต้องหยุดอยู่กับบ้าน หยุดทำงาน ขาดรายได้ แต่ราคาสินค้าอุปโภค บริ โภค ค่าขนส่ง ค่ารถโดยสารสาธารณะยังคงเท่าเดิม จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทางการบริหารตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งการให้กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ผลิตสินค้าค่าครองชีพ ค่าโดยสารรถสา ธารณะ และค่าขนส่งทั่วไป และแก้ไขปัญหาสินค้าราคาให้ถูกลงสอดคล้องกับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ด้าน นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า “ ผมมองว่า ในช่วงวิกฤต covid-19 ที่ทำให้โลกสั่นสะท้านไปทุกหย่อมหญ้า เราได้รับความลำบากแสนสาหัสต้องหยุดงาน ต้องกักกันตัวเอง เศรษฐกิจพังทลาย ถึงขนาดต้องปิดประเทศ แต่ถึงอย่างไรประเทศเราก็ยังมีกินมีใช้ เพราะเรามีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพราะด้วยว่าประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม มีเกษตรกรกว่า 15 ล้านคน หรือ 7 ล้านกว่าครัวเรือน รวมจำนวนเกือบ 120 ล้านไร่ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศ ผมเห็นด้วยกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐที่ออกมาเช่น การช่วยเหลือภาคแรงงานที่ต้องหยุดงานโดยแจกเงิน 5,000 บาท ตลอดช่วง 3 เดือนนี้ หรือการลดดอกเบี้ยสินเชื่อสำหรับ SME ภาคเอกชน แต่กลุ่มที่ภาครัฐ น่าจะให้โอกาส และลงทุนมากกว่านี้ ซึ่งจะสามารถพลิกวิกฤตของโลก ให้เป็นโอกาสของประเทศไทยได้เลย ก็คือ ภาคเกษตรกรที่สามารถทำให้ประเทศไทยเราเป็น “ครัวโลก” ได้ตามความฝันของคนไทยทุกคน ถึงแม้วิกฤตนี้จะต้องปิดประเทศ แต่เราก็ยังอยู่รอดกันได้ เพราะการดำรงอยู่ของเกษตรกรไทย ที่เป็นจุดแข็งไม่เหมือนบางประเทศที่ต้องนำเข้าสินค้าอุปโภค บริโภคจากต่างประเทศอย่างเดียว” “ผมมีความเห็นว่ารัฐบาลต้องช่วยเหลือด้านงบประมาณ วิชาการ การวิจัยให้แก่เกษตรกรในแต่ละท้องถิ่นลงไปเต็มที่ ในวันหลังผมจะแนะนำว่าต้องใช้งบประมาณจากส่วนไหนมาช่วยเหลือ ผมว่าเรื่องหนี้สินเกษตรกรจะได้ไม่ต้องมานั่งแบกรับภาระหนักกันขนาดนี้ ผมรู้สึกน่าเห็นใจมากๆแต่ผมได้แค่แนะแนวทางให้รัฐบาลฝ่ายบริหาร ดำเนินการ รัฐบาลต้องช่วยหาช่องทางการตลาดส่งออกหรือ ช่องทางออนไลน์ ไม่แย่งกันปลูกพืชชนิดเดียวกัน เพื่อให้ราคานั้น ไม่ต่ำลงไปตามหลักดีมานด์ ซัพพลาย (Demand-Supply) สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่ผมคิดถึงเสมอ และตั้งใจอยากให้คนไทยได้อยู่รอดได้ในทุกวิกฤต และต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของประเทศ ผมเชื่อว่า แม้เราจะต้องปิดประเทศ เราก็ต้องอยู่รอดได้ และเราจะเป็นครัวโลกได้อย่างแท้จริง ถ้ารัฐบาลมีงบประมาณอุดหนุนให้กับเกษตกร “ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส” จากใจ ชัช เตาปูน 1 เมษายน 2020”