“บิ๊กตู่” จ่อใช้ยาแรง!! สู้ “โควิด-19”ระบาดทั่วประเทศ ลดบริการขนส่งทุกชนิด หาก ปชช. ยังเคลื่อนย้ายโดยไม่จำเป็น“ศบค.”แจงยังไม่ “ล็อคดาวน์” ปิดกรุงเทพฯ ขอผู้ประกอบการให้ทำงานที่บ้าน – งดกิจกรรมที่คนเข้าร่วมจำนวนมาก เผย “บิ๊กตู่” ซึ้งใจปรากฏการณ์ปรบมือให้กำลังใจ “หมอ-พยาบาล” ขณะที่“โฆษกทร.”ปัดชงครม. ขอซื้อ “เรือยกพลขึ้นบก” ช่วงวิกฤติโควิด แจงแค่ส่งจนท.ตรวจสอบแบบ ส่วน “กห.”ถอนวาระพิจารณาซื้อเรือแล้ว ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 31มี.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ผ่านไลฟ์สดทางเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า วันนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปชี้แจงประชาชนว่า ส่วนใดจะได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาท ทั้งลูกจ้างรายวัน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะบางคนไปลงทะเบียน เพื่อหวังว่าจะได้เงินโดยทันที แต่มันจำเป็นจะต้องมีมาตรการคัดกรอง ซึ่งการคัดกรองจะใช้ระบบ AI ดำเนินการเพื่อวิเคราะห์คัดกรอง คุณสมบัติผู้ลงทะเบียนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เมื่อตรวจสอบทั้งหมดแล้วข้อมูลจะถูกยืนยันและจ่ายเงินเข้าระบบ ดังนั้นผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จประมาณ 20 ล้านคน ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับเงินเยียวยา ขอให้ทำความเข้าใจร่วมกัน “ผมเข้าใจว่า ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นนานพอสมควร เราจะมีมาตรการระยะ 3 ถึง 4 ออกมา ผมให้มีการพิจารณาในช่วงวงรอบ 3 เดือน ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ เราจำเป็นต้องจัดการงบประมาณทั้งภายในและภายนอก ทั้งงบประมาณปี 63 และพระราชกำหนดกู้เงิน ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอ เราพยายามทำอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการต้องดูว่าใช้เงินอย่างไร หาเงินจากที่ไหน ให้เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ” นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลา 7 วันแล้วที่คนในกทม.เดินทางกลับต่างจังหวัด สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น วันนี้อยากกราบเรียนว่า การที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ก็เป็นมาตรการที่ทำให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง ว่ามีการตรวจสอบคัดกรองมากยิ่งขึ้น ประชาชนที่รู้ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ามาพบแพทย์มากขึ้น ทำให้มีโอกาสตรวจพบเชื้อได้มากยิ่งขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ ใครที่ไม่ได้ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงหรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และดูแลตัวเองดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตรวจหาเชื้อ เพราะเรามีความจำเป็นต้องควบคุมการใช้จ่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้เพียงพอกับผู้ที่ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามในส่วนของการปรับมาตรการต่างๆ ตนได้มอบหมายให้กระทรงมหาดไทย ซึ่งรับผิดชอบตามกฎหมาย ร่วมกับกระทรงวงอื่น ๆที่เกี่ยวข้องตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณาทั้งเรื่องการห้ามประชาชนเข้า-ออกพื้นที่ในจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดก็มีการปิดหลายสถานที่ ห้ามจำหน่ายสุรา ห้ามเล่นกีฬา ในเรื่องของการพนัน มีมาตรการเด็ดขาดต้องถูกลงโทษตามกฎหมายในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะหนีไปเล่นที่ไหนก็ตาม ตนได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน ตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่” “ทั้งนี้การเดินทางของประชาชนออกนอกเขต นอกจังหวัด วันนี้หลายคนก็เป็นห่วง อยากให้ปิด อยากให้หยุด อยากให้อะไรต่างๆ เราก็ต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะการจับจ่ายซื้อหาสินค้า ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง รัฐบาลก็เน้นให้บริการแกร็บ ไลน์แมน มีการตรวจสอบการติดเชื้อของผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วย และอย่าไปแออัดในร้านค้าที่รับของไปส่งด้วย เพราะจะนำการแพร่เชื้อไปสู่ผู้บริโภค ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองและผู้อื่นเสมอ ในส่วนของการเดินทาง ได้ให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณา หากยังมีการเคลื่อนย้ายประชาชนเป็นจำนวนมากอยู่ ซึ่งเราก็เข้าใจถึงความสะดวกแต่บางคนก็ใช้โดยไม่จำเป็น ผมจึงได้ให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆ ของภาครัฐจะทำอย่างไร จำเป็นต้องลดจำนวนลงหรือไม่ หรือกำหนดให้บริการกี่เที่ยวต่อวัน ในเมื่อให้ทำกันเองแล้วยังไม่เรียบร้อย ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต่อไปต้องเจอสถานการณ์การลดให้บริการทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร หรือรถเมล์ ก็จำเป็นต้องลดเที่ยวให้บริการ จนกว่าจะเรียบร้อย ถ้ายังไม่เรียบร้อยอีกก็จะหยุดให้บริการทั้งหมด” นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค. แถลงว่า นายกฯได้ขอบคุณประชาชนที่สร้างปรากฏการณ์ปรบมือให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ สธ.ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก “ท่านมีความซาบซึ้งใจ และส่งกำลังใจบุคลาการทางแพทย์และพยาบาล ซึ่งตอนนี้ทำงานหนักมากๆ เพื่อประชาชน จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทุกข้อมูล ทุกข้อความ ท่านให้ความสำคัญ และนำมาสู่มาตรการที่จะไปสู่การจัดอุปกรณ์ทางการแพทย์ และนำส่งมอบถึงมือบุคลากรทางแพทย์กับประชาชนในเร็ววันนี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลเรื่องการใช้จ่ายงบกลางที่นำมาแก้ไขปัญหาโควิด -19 นั้น นายกฯให้ความสำคัญมาก โดยการจัดสรรงบกลางจะเป็นการเพิ่มค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งค่าเสี่ยงภัย ค่าล่วงเวลา และการจัดสรรอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดย สธ.ได้รับไปดำเนินการในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และเตรียมโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ นายกฯยังได้ชื่นชมเพจ อีเจี๊ยบเลียบด่วน ที่ออกมาโพสต์เตือนล่วงหน้าว่า วันที่ 1 เม.ย.เป็นวัน April Fool's Day หรือวันโกหก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของฝรั่ง แต่ของไทยอย่ามาโกหกในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิด -19 เช่น โพสต์ว่าตัวเองติดเชื้อ ตัวเองป่วยอยู่ ซึ่งจะมีความผิด โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการชัตดาวน์หรือล็อคดาวน์ กทม.นั้น ยืนยันว่าเรายังใช้เฉพาะบางจุดตามประกาศเดิม ยังไม่มีข้อสั่งการเพิ่มเติมจากนายกฯ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทเอกชนที่ยังให้ลูกจ้าง พนักงาน ยังมาทำงานตามปกติ ทั้งที่บางงานสามารถทำที่บ้านได้นั้น ขอให้ประเมินว่าการนำคนมารวมกันกับการกระจายงานให้ไปทำอันไหนมีความเสี่ยงกว่ากัน เชื่อว่าผู้บริหารคงเข้าใจตรงนี้ และพิจารณาได้ว่าทำแบบไหนจะมีผลเสียมากกว่ากัน คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะให้ทำงานที่บ้านหรือทำงานเหลื่อมเวลา ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าเชื้อในอิตาลีรุนแรงกว่าจีนนั้น ตอนนี้ยังเป็นเพียงความเห็นของนักวิชาการ ซึ่งต้องพิสูจน์ โดยดูตัวเลขสะสม แต่สำหรับการป้องกันเราทำเหมือนกันหมด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า นายกฯ ได้สั่งการให้กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ยกเว้นภาษีอากรนำเข้า หน้ากากอนามัย เครื่องมือทางการแพทย์ อุปกรณ์ชุดตรวจหาไวรัสโควิด-19 และยาเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการใช้รักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 และสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งกระบวนการตรวจเพื่อรับรองมาตรฐานให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้เวลาดำเนินการภายใน 1 วัน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ใช้เวลาดำเนินการภายใน 4 วัน รวมถึงให้กระทรวงพาณิชย์เข้มงวดในการคุมราคาสินค้าไข่ไก่ ตั้งแต่หน้าฟาร์มและพ่อค้าคนกลางมากกว่าการค้าปลีกรวมถึงให้งดการส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศในระยะนี้ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ด้านการเดินทางสัญจร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม โดย กองทัพภาคที่ 4 กระทรวงมหาดไทย ปิดการเดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและสั่งการให้เฝ้าระวังกิจกรรมที่มีลักษณะการรวมกลุ่มทุกกิจกรรม โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้มงวดในการออกอากาศรายการมวยทางโทรทัศน์ สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้มงวดในการควบคุมผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างหรือวินมอเตอร์ไซค์ สวมใส่หน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งให้จับกุมการลักลอบการเล่นพนัน การสังสรรค์อย่างผิดกฎหมายและฝ่าฝืนแข่งรถ นางนฤมล เปิดเผยว่า หลังพบผู้ติดเชื้อภายในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือศบค. ว่า วันนี้ (31 เม.ย.)ได้ขอความร่วมมือไปยังบรรณาธิการข่าว ของแต่ละสำนักข่าว เพื่อขอความร่วมมือ ไม่ส่งผู้สื่อข่าว มาทำข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยทางศบค.จะมีการแถลงข่าวหลักๆ และสามารถเกี่ยวสัญญาณจากช่อง เอ็นบีที หรือ เพจไทยคู่ฟ้า เพื่อติด ตามข่าวสารได้เพื่อความปลอดภัยของสื่อมวลชนและผู้ที่มาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯและวันนี้จะเป็นแรกที่ไม่มีการ แถลงข่าวมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยสำนักโฆษกฯ และสำนักนายกฯจะอำนวยความสะดวก แจกเอกสารข่าว รวมถึงส่งข่าวทางไลน์กลุ่ม หากมีข้อสงสัย ก็สอบถามทีมโฆษกรัฐบาลได้โดยตรง และในเวลา 15.00น. วันนี้ เจ้าหน้าที่จะพ่นยาฆ่าเชื้อที่ ศบค. โดยจะมีการปิดตึกสันติไมตรีหลังใน ซึ่งเป็นห้องทำงานของ ศบค. เป็นเวลา 4 วัน วันเดียวกัน พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงกลาโหมเสนอครม. ขออนุมัติจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในช่วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า ไม่ใช่เป็นการขออนุมัติต่อเรือยกพลขึ้นบก เพราะโครงการนี้ผ่านการอนุมัติ และมีการทำสัญญาไปตั้งแต่เดือนพ.ย.2562 แต่เรื่องที่เข้าที่ประชุมครม.ในวันนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรือ เช่น การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ และการเตรียมส่งทหารไปฝึก เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย “กองทัพเรือไทยทำสัญญาต่อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ลำใหม่จากจีน เพื่อเป็นเรือพี่เลี้ยงให้เรือดำน้ำ และเพื่อภารกิจยกพลขึ้นบก บรรเทาสาธารณภัยเสริมภารกิจเรือหลวงอ่างทอง ด้วย โดยมีพล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รองผบ.ทร. โดยในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯลงนาม กับประเทศจีนในสัญญาการต่อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่จากจีน 1 ลำ เมื่อเดือนพ.ย.2562 ในงบประมาณ 6,100 ล้านบาท” ล่าสุดพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการเสนอและพิจารณาในที่ประชุม ครม.วันนี้ ( 31 มี.ค. 63 )แต่อย่างใด