นายอิสระ ว่องกุศลกิจ คณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานที่ปรีกษาหอการค้าไทย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี60 ว่า ในปีนี้คณะกรรมการร่วมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย (กกร.)คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้น3.5-4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง 2เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น การส่งออกเพิ่มขึ้นดีราคาผลผลิตการเกษตรเริ่มดี รวมถึงการท่องเที่ยวถึงแม้จะโตไม่มากแต่สามารถเก็บรายได้เพิ่มขึ้น โดยภาพรวมหลายอย่างเริ่มดีขึ้น หากปีนี้ไม่มีภัยคุกคามทั้งการก่อการร้าย ปัญหาราคาน้ำมัน ส่วนวิกฤติเกาหลีเหนือเป็นที่วิกฤติที่ทุกฝ่ายกังวล แต่เราไม่ได้เป็นผู้ก่อและอยู่ห่างไกลจากปัญหา ตนคิดว่าภาคเอกชนก็ต้องดำเนินการไปตามปกติ ซึ่งภาคธุรกิจก็มีมาตราการป้องกนและเตรียมรับมืออยู่แล้ว อย่างไรตามเชื่อว่า ไม่น่าจะถึงขั้นรุนแรง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในการปรับตัวที่ผู้ประกอบการกับรัฐร่วมกันพัฒนาขีดความสารถด้านการแข่งขันเพิ่มขึ้นและปลดล็อกกฎระเบียบให้มีความข้องตัว นายอิสระ กล่าวยังกล่าวถึง ผลสำรวจหอการค้าไทย โดยพบว่าแรงงานไทยต้องการปรับขึ้นค่าแรงต่อวันเป็น 410 บาท ภายใน3 ปี ว่า จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ยังไม่โตพอที่จะปรับขึ้นค่าแรง จะทำให้ศักยภาพการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมลดลง จะเป็นการทำลายตัวเอง กระทบกับผู้ประกอบการรายย่อย และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน แต่หากภาคแรงงานมีความเดือดร้อนจริงๆ คณะกรรมการค่าจ้าง(ไตรภาคี) จะต้องประเมินปัจจัยต่างๆ เป็นรายจังหวัด ประกอบกับปัจจัยอื่น เมื่อถามว่า การที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ปัจจัยตรงนี้จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศได้มากน้อยหรือไม่อย่างไร นายอิสระ กล่าวว่า การที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ และโรดแมปเดินหน้า ถือเป็นการบ่งชี้ว่าเรากำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งเร็วๆนี้ ฉะนั้นจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ภูตานุทูตที่อยู่ในไทยที่ยึดถือประชาธิไตยเป็นสิ่งสำคัญ และคาดว่าการเดินหน้าโรดแมปจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต่างประเทศผ่อนปลนและเริ่มลงทุนกับไทยมากขึ้น