"ตร.-ทหาร-จนท.ราชทัณฑ์"สนธิกำลังเร่งไล่ล่านักโทษชายหลบหนีออกจากเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ หลังก่อเหตุจลาจลเผาเรือนนอนอ้างหนีไวรัสโควิด-19 "พนักงานสอบสวน"เตรียมสอบทุกมิติ ยังไม่เชื่อก่อเหตุเพราะกลัวไวรัส พร้อมย้ายนักโทษที่ไม่เกี่ยวข้องไปยังที่เรือนจำพื้นที่ใกล้เคียง 18 แห่ง ด้านตำรวจรู้ตัวหัวโจกปลุกระดมแล้ว จากกรณีเหตุการณ์นักโทษชาย จำนวนกว่า 100 คน ก่อเหตุจลาจลเผาเรือนนอนภายในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อหลบหนี เนื่องจากมีข่าวลือนักโทษบางคนติดเชื้อโควิด-19 เมื่อ 29 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุนักโทษเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ก่อเหตุจราจรจุดไฟเผาเรือนนอนและหลบหนี โดยได้จะเข้าพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่ก่อเหตุต่อไป ส่วนการติดตามตัวนักโทษที่ที่หลบหนี ขณะนี้ตำรวจชุดเฉพาะกิจบุรีรัมย์ ทหาร และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกันติดตามผู้ต้องขังที่หลบหนีอยู่อีก 1 คน หลังพบว่ามีผู้ต้องขังหลบหนีออกไปได้ 5 คน และตามจับได้ 4 คน โดย 1 คน ที่หลบหนีส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นหัวโจกหรือไม่ แต่เชื่อว่าสามารถจับกุมตัวกลับมาได้เร็วๆ นี้ รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้แยกผู้ต้องขังที่ไม่เกี่ยวข้องไปยังเรือนจำในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ส่วนมูลเหตุยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์เรื่องโควิด-19 หรือผู้ต้องขังเจตนาสร้างความวุ่นวายเพื่อหลบหนีจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่หากเป็นเรื่องภายในกรมราชทัณฑ์ก็เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง แต่ยืนยันตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบอย่างครอบคลุมทุกมิติแน่นอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 1 คน ทราบชื่อคือ นายธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติด เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างไล่ล่าตัว และรู้เส้นทางหลบหนีแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายภายในเรือนจำ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ แต่เบื้องต้นพบว่าเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงสถานพยาบาลที่ยังอยู่ในสภาพปกติ ส่วนผู้ต้องขังกว่า 2,000 คน ที่ถูกย้ายไปตามเรือนจำใกล้เคียง 18 แห่ง อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อ ก่อนประกาศให้ญาติทราบ ซึ่งรายชื่อทั้งหมดจะติดด้านหน้าเรือนจำ ซึ่งไม่มีผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียง 1 คนที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และอาการปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดภายในเรือนจำ ก่อนช่วงเกิดเหตุ พบว่ายังมีอีก 1 ผู้ต้องขังที่น่าจะเป็นแกนนำหลักในการวางแผนและปลุกระดมให้เกิดเหตุจลาจล ซึ่งขณะนี้ทราบตัวบุคคลแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นมีดหรือไฟแช็ก ทางกลุ่มผู้ต้องขังเอามาจากโรงครัวทั้งหมด