แม้สถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น แต่จังหวัดตราดเป็นจังหวัดเดียวในภาคตะวันออกที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ทำให้ชาวตราดยังคงดำเนินชีวิตประจำวันอย่างปกติเหมือนไม่มีสถานการณ์ใดๆ เช่นการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน และไม่สวมหน้ากากอนามัย อีกทั้งตลอด 3-4 วัน(26-30 มีนาคม 2563)มีประชาชนทั้งจังหวัดตราดและจังหวัดอื่นเดินทางเข้ามายังจังหวัดกว่า 1 หมื่นคน จากเหตุนี้เอง ว่าที่ร้อยตรีพิเชียน ลิมป์หวังอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้วิทยุสั่งการด่วนท่ีสุดไปยังนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอ ลงนามในวันที่ 29 มีนาคม 2563 เพื่อย้ำเตือนให้ชาวตราดได้นำไปปฏิบัติและสั่งให้นายอำเภอ 7 อำเภอตรวจสอบประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดโดยเนื้อหาระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ยังคงมีความรุนแรงจำเป็นที่ทางจังหวัดตราดจะต้องดำเนินการเข้มงวดมาตรการเพิ่มขึ้น โดยของให้ชาวตราดงดออกจากบ้านหากไม่มีความจำเป็น หากจำเป็นต้องออกไปจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างกัน 2 เมตร และทำความสะอาดบ้านเรือน,ภาชนะ ห้องน้ำให้สะอาด รวมทั้งการดูแลตนเองให้ปลอดเชื้อโรค ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดยังได้สั่งการไปยังนายอำเภอเขาสมิง และนายอำเภอบ่อไร่ ที่เป็นที่ตั้งจุดสกัดคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดตราด 4 จุด ให้เข้มงวดบุคคลทีทเดินทางมาจากจังหวัดเสี่ยงสูงภัย 8 จังหวัด คือ กรุงเทพ จังหวัดปริมณฑล,ชลบุรี,ภูเก็ต สระแก้ว ปัตตานี,ยะลา สงขลา และนราธิวาส ให้ปฏิบัติดังนี้ คือ หากมีไข้สูง จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก และหายใจเหนื่อยหอบให้กักตัวท่ีโรงพยาบาลอ.เขาสมิงใและอำเภอบ่อไร่ทันที ส่วนไม่มีไข้ให้ทำการกรอกข้อมูลผู้เดินทางทางเข้าหมู่เพื่อให้กำนันผู้ใหญ่บ้านติดตามตัวตามระบบTHAIQM และให้รายงานตัวกันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทำการวัดไข้ทุกวัตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ อย่าไรก็ตาม ตามเพจ เฟสบุคส์ของชาวตราดทั้งเพจข่าวท้องถิ่น และเฟสบุคส์ส่วนตัว ได้โพสต์ข้อความและบทความเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดปิดจังหวัดเหมือนกับจังหวัดภูเก็ต หรือจังหวัดบุรีรัมย์เนื่องจากเห็นว่า ยังมีชาวตราดและจังหวัดอื่นๆเดินทางออกจากบ้าน โดยระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม 2563 มีประชาชนเดินทางเข้ามายังจังหวัดตรสดกว่า 1 หมื่นตามที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดตราดและทางอำเภอเขาสมิงรายงานข่อมูลไปยังจังหวัดตราด สำหรับชาวตราดหลายคนระบุว่า “ลองคิดดูซิถ้าติดโควิตขึ้นมาจะต้องหยุดงานเป็นเดือนๆแถมคนที่คุณๆรักก็จะติดตามมาด้วย หยุดอยู่บ้านซะตอนนี้มีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ” หรือ”รีบปิดตาย ตรวจคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด คนไม่มีธุระสำคัญสูงสุดจะได้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน” รวมทั้งบางคนเปรยว่า “ขอโทษคับแล้วชาวสวนจะทำงัยกับผลผลิตที่ออกมาลูกหลานทำงานต่างจังหวัดต้องคิดเยอะนะคับมีมาตราการมารองรับยัง” และ”ตอนนี้ผวาไปหมดแล้ว​ คนท่าพริกกลับมาจากมาเล​ เค้าบอกว่าไม่ยอมกักตัว​ ไม่คาดแมท​ ยังคงใช้ชีวิตแบบปกติ​ อสม.​ กับเจ้าหน้าที่อนามัยมาบอกกลับโดนตะเพิดอีกต่างหาก​ ตอนนี้กลัวมากๆ”