"แบงก์ออมสิน"เร่งดำเนินการตามมติ ครม. เดินหน้า“โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน” และ“โครงการสินเชื่อพิเศษเพิ่มเติม” เปิดตัวสินเชื่อช่วยคนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สำหรับคนมีอาชีพอิสระให้กู้ 10,000 บาท ปลอดชำระ 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0.10% ต่อเดือน ผ่อนชำระ 2 ปี ไม่ต้องมีหลักประกัน ส่วนผู้มีรายได้ประจำให้กู้ไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ผ่อนชำระ 3 ปี เริ่มเปิดลงทะเบียน 1 เม.ย.นี้ ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เท่านั้น "คลัง"ฮึ่ม! ฟันพวกฉวยโอกาสหักหัวคิวโดนหนักแน่ ด้าน“นศ.พาร์ทไทม์”หลุดเกณฑ์รับเงิน 5 พันบาท เมื่อวันที่ 29 มี.ค.63 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 เห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดขยายวงกว้างขึ้นจนมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ กระทรวงการคลังในฐานะที่ดูแลและรับผิดชอบเศรษฐกิจของประเทศได้จัดทำมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งประชาชนและผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน ภายใต้หลักการ “ทันการณ์ ตรงเป้าหมาย และชั่วคราวตามจำเป็น” โดยธนาคารออมสินในฐานะฟันเฟืองสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มมีนโยบายให้เร่งรีบให้ความช่วยเหลือทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้ การผ่อนภาระชำระเงินกู้ การให้สินเชื่อเพื่อบรรเทาผลกระทบ การเป็นช่องทางโอนเงินให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการสามารถประคองกิจการให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ ล่าสุดได้เปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) วงเงินกู้สูงสุด 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.10% ต่อเดือน (Flat Rate) ผ่อนชำระคืนนานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้หลักประกันใดๆ คุณสมบัติผู้กู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสารแท็กซี่-สามล้อ มัคคุเทศก์ เป็นต้น มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสินได้สนับสนุนโครงการสินเชื่อฉุกเฉิน และโครงการสินเชื่อพิเศษเพิ่มเติม ตามมติเพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วยการเปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ให้ผ่อนชำระคืนนานถึง 3 ปี โดยการค้ำประกันสามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ได้ เพียงมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย เป็นผู้มีรายได้ประจำแต่รายได้ลดลงหรือขาดรายได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และภัยอื่นๆ มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสได้จากการพบปะกันของคนจำนวนมากที่สาขา ประชาชนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไปติดต่อที่สาขา เพราะธนาคารออมสินอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดให้ยื่นลงทะเบียนใช้บริการสินเชื่อนี้ผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.63 เป็นต้นไป เพียงมีโทรศัพท์มือถือที่พร้อมใช้งานเปิดเว็บไซต์ธนาคารออมสินหรือมีเครื่องคอมพิวเตอร์ “ปัจจัยการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ธนาคารออมสินจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการช่วยบรรเทาผลกระทบให้ประชาชนและลูกค้าของธนาคารเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องนี้จะช่วยได้เป็นอย่างดี” นายชาติชาย กล่าว วันเดียวกัน นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะกระทรวงโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 มี.ค. มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 13.9 ล้านคน ระบบมีความเสถียรแล้ว สามารถรองรับได้ทุกคน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความผู้ที่ลงทะเบียนได้แล้วจะได้รับเงินเยียวยา เพราะต้องมีการคัดกรองคุณสมบัติให้ครบถ้วน ส่วนผลออกมาแล้วจะมีผู้ลงทะเบียนได้รับเงินเยียวยากี่คนนั้น ขอให้ความมั่นใจรัฐบาลจะเยียวยาครบถ้วนทุกคน ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์จะไม่ได้รับเงินเยียวยาส่วนนี้ เพราะยังมีสถานะเป็นนักศึกษา ไม่ใช่คนทำงาน จึงไม่เข้าเกณฑ์ ยืนยันว่าผู้ที่ผ่านการคัดกรองไม่ว่าจะกี่ล้านคน ถ้าคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับเงินเยียวยาทุกคน ทั้งนี้ช่องทางลงทะเบียนจะใช้ช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้คนออกจากบ้าน หากใครรับลงทะเบียนโดยเรียกรับหัวคิวถือว่าผิดกฎหมาย เป็นการฉ้อโกง เราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบจะดำเนินคดีทันที มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ประชาชนเดือดร้อนอย่าไปซ้ำเติมกัน