รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant โดยระบุข้อความว่า... ตอนนี้กระแสทำ "ตู้อบหรืออุโมงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ" กระจายไปทั่วเลย ไม่ว่าจะตามอาคาร หน่วยงาน หรือแม้แต่ตลาด ก็มีคนมารับจ้างทำกัน จนเหมือนจะเป็นอาชีพใหม่แล้ว ... ซึ่งก็เคยเตือนไปหลายรอบแล้วนะ แต่คงไม่ฟังกัน . ปัญหาหลักๆ ของการใช้อุโมงพวกนั้น ก็คือ น้ำยาที่ฉีดพ่นลงมา ถ้ามีปริมาณความเข้มข้นของสารน้อยไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หรือ ถ้ามีเข้มข้นมากจนฆ่าเชื้อได้ ก็จะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผู้ที่ถูกพ่น ทั้งผิวหนัง ดวงตา เสื้อผ้า และเมื่อสูดดมเข้าไป ก็อันตรายต่อทางเดินหายใจเสียด้วย . ปัญหาทางอ้อมคือ มันทำให้เราเข้าใจผิดว่าตัวเราสะอาดปลอดเชื้อแล้ว .. คนที่ไม่ได้มีเชื้อ ก็อาจจะเผลอเรอ ไม่ดูแลความสะอาดของมือหลังจากนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ .. ขณะที่คนที่มีเชื้ออยู่ ก็อาจจะเข้าใจผิดว่า ตัวเองถูกกำจัดเชื้อโรคออกไปแล้ว ทั้งที่จริงๆ ก็ยังเป็นผู้แพร่เชื้อได้หลังจากนั้น . ที่น่าปวดหัวเพิ่มขึ้นตอนนี้ คือ เริ่มมีการทำกระทั่ง "ตู้ฉายแสง UV" ซึ่งยิ่งน่ากลัวจะเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีก เพราะแสงอัลตราไวโอเลต ที่อยู่ในช่วงคลื่นและมีกำลังเข้มข้นพอที่จะฆ่าเชื้อโรคได้นั้น ก็ส่งผลทำลายเซลล์ร่างกายของเราได้เช่นกัน โดนผิวหนังก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองแสบร้อน โดนดวงตาก็ทำลายเนื้อเยื่อในดวงตาได้ และถ้าใช้บ่อยครั้ง ก็อาจจะนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ . สรุปคือ ของพวกนี้ มันทำไปก็เสียงบประมาณสูง แล้วก็มีผลเสียตามมาได้ .. จริงๆ แค่ติดตั้งขวดแอลกอฮอล์ไว้ตามจุดต่างๆ ให้ได้เช็ดมือบ่อยๆ ก็ใช้งานได้ดีกว่า ประหยัดกว่าด้วยครับ