เพจเฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า... คำโกหกช่วยชีวิตคนสหรัฐฯไม่ได้ ประเทศจีนมีสุภาษิตว่า เมื่อเขาส่งอะไรมาให้เรา ตามมารยาทเราก็ต้องส่งกลับไปให้เขาบ้าง เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ จงใจใช้สถานการณ์ โควิด 19 โจมตีและใส่ร้ายป้ายสีประเทศจีน ในการนี้ ฝ่ายจีนจำเป็นต้องมีปฏิกิริยา เพื่อให้ความจริงกระจ่างขึ้นมา ในช่วงแรก เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯบางคนพยายามที่จะ "ติดฉลาก" และเชื่อมโยงไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เข้ากับประเทศจีน ซึ่งก็ได้รับการคัดค้านอย่างหนักจากประชาคมโลกรวมทั้งคนสหรัฐฯจำนวนมาก ประธานกลุ่มคนเชื้อสายเอเชีย-แปซิฟิกในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯบอกว่า การเรียกชื่อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ให้เป็น "ไวรัสจีน" นั้น เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ทำให้เกิดการโจมตีคนสหรัฐฯเชื้อสายเอเชียเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด องค์การอนามัยโลก(WHO)เน้นว่า ควรหลี่กเลี่ยงเชื่อมโยงไวรัสกับเชื้อชาติหรือภูมิภาค ไข้หวัดใหญ่ H1N1 เริ่มในภูมิภาคอเมริกาเหนือเมื่อปี ค.ศ.2009 เราก็ไม่ได้เรียกให้เป็นไข้หวัดใหญ่อเมริกาเหนือ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนสหรัฐฯที่เสียชีวิตไปในช่วงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ปี ค.ศ.2019 มีจำนวนเท่าไหร่ที่เสียไปด้วย โควิด 19 คำถามนี้ แม้แต่ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)แห่งสหรัฐฯก็ให้คำตอบอย่างชัดเจนไม่ได้ ในที่สุด ใครโกหก ใครปิดบัง ความจริง สหรัฐฯต้องให้คำตอบกับประชาชนทั่วโลก หลังจากการโจมตีในลักษณะ “ติดฉลาก” ล้มเหลวไป บางคนก็เริ่มกลับขาวเป็นดำ กล่าวหาว่าจีนแบ่งปันข้อมูลของ โควิด 19 ไม่เปิดเผยและโปรงใสพอ ความจริงจีนเริ่มส่งข้อมูล สถานการณ์การแพร่ระบาดโครให้ WHO ในเดือนธันวาคมปีค.ศ. 2019 ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมปีนี้เป็นต้นมา จีนได้แจ้งข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการป้องกันและควบคุมให้สหรัฐฯทราบอย่างเป็นประจำ ผู้บริหารหน่วยงานสุขภาพและการควบคุมโรคของจีนและสหรัฐฯมีการต่อสายคุยทางโทรศัพท์กันหลายครั้ง ผู้เชี่ยวชาญทางสหรัฐฯได้เข้าร่วมในคณะดูงานของ WHO เดินทางไปศึกษาดูงานที่จีนเป็นเวลา 9 วัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ทวีตชื่นชมความโปร่งใสและการมีประสิทธิภาพของจีนในการป้องกันการแพร่ระบาด และเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลที่จีนแบ่งปันจะช่วยสหรัฐฯในการต่อสู้กับโรคระบาด มาครั้งนี้ ท่าทีของสหรัฐฯได้พลิกกลับด้าน 180 องศา จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ใครกันแน่กำลังโกหก สถานการณ์ โควิด 19 ที่สหรัฐฯกำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว คำโกหกนั้นช่วยชีวิตคนสหรัฐฯไม่ได้ ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯไม่สามารถปรับข้อมูลการแพร่ระบาดอย่างทันเหตุการณ์ และโยนความผิดเมื่อตนเองไร้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยกล่าวหาว่า “จีนให้ข้อมูลที่ผิด" แต่สื่อสหรัฐฯเปิดเผยว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯหลายคนรู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง และได้แอบขายหุ้นออกไปล่วงหน้า แม้แต่นายสกอตต์ มอร์ริซัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯก็ยอมรับว่า “ผู้ที่ควรรับผิดชอบในเรื่องที่มีคนติดโควิด 19 เป็นจำนวนมากนั้น คือสหรัฐฯ” ที่นี้ ใครกันแน่ที่ไม่เปิดเผย ไม่โปร่งใสและไม่รับผิดชอบ คำตอบชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย ปัจจุบัน ในขณะที่จีนต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคอย่างเต็มกำลัง ยังมีความห่วงใยต่อสังคมโลก และกำลังให้การสนับสนุนประเทศต่างๆ 100 กว่าประเทศรวมทั้งประเทศไทยในรูปแบบต่างฯ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค จีนจะจดจำและรำลึกบุญคุณที่มิตรประเทศต่างๆให้กำลังใจและการสนับสนุนในยามที่เราลำบาก ประชาชนจีนจะยืนเคียงข้างกับประชาชนไทยและประชาชนประเทศต่างๆ อย่างแน่วแน่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน ไวรัสไม่มีพรมแดน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือสังคมโลกช่วยกันรับมือ เราขอตักเตือนทางสหรัฐฯหยุด "โยนความผิด" หยุดการโกหก จักการเรื่องของตนให้ดี และแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค และรักษาความมั่นคงด้านสาธารณสุขของโลกด้วย จีนยินดีที่จะร่วมงานกับทุกประเทศที่ละทิ้งอคติทางการเมือง เพื่อเอาชนะในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันพิทักษ์ความมั่นคงด้านสุขภาพของภูมิภาคและทั่วโลก