"นายกฯ" ลั่น กล้าตัดสินใจ ใช้มาตรการเข้ม สู้โควิด แต่ยังไม่ถึงเวลาใช้พรก.ฉุกเฉิน ขอประเมินก่อน เห็นชอบให้"พาณิชย์"ไปแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย ก่อนบอกสื่อ "ใจเย็นๆ" เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยใช้เวลาประชุมกว่า 3 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการหลังปิดสถานบริการและห้างสรรพสินค้า ทั้งนี้นายกฯ กล่าวในที่ประชุม ว่า มาตรการต่างๆ ขอให้ฟังครม.พรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องเข้าครม.อยู่แล้ว ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รายการสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัย N 95 ที่ไม่เพียงพอ ทางด้านสาธารณสุข และติดเงื่อนไขบีโอไอที่การผลิตหน้ากาก N95 ต้องส่งออกทั้งหมด ที่มีกำลัง 4 แสนชิ้นต่อเดือน ซึ่งเดิมให้กระทรวงสาธารณสุข 1 แสนชิ้น แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ไม่เพียงพอ จึงขอที่ประชุมเพื่อให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการ ปลดล็อกเงื่อนไขไม่ส่งออกหน้ากาก N95 แต่ให้ใช้ในไทยทั้ง 4 แสนชิ้นในช่วงนี้ โดยนายกฯเห็นด้วยและให้ไปดำเนินการ นอกจากนี้ในที่ประชุมไม่ได้หยิบยกกรณีการใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด ภายหลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อยกระดับการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 โดยนายกฯ ได้ย้ำว่า “ผมกล้าตัดสินใจอยู่แล้ว ในมาตรการเข้มข้นสูงสุด ผมพร้อมสั่ง ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน แต่ยังไม่ถึงเวลา” จากนั้นเวลา 17.00 น. ภายหลังการประชุมนายกฯ ได้เรียกประชุมวงเล็ก ที่ห้องรับรอง ตึกสันติไมตรี โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมประชุม โดยนายกฯ ได้หารือถึงกรณีชาวต่างประเทศ ที่จะมารอต่อเครื่องที่ประเทศไทยนั้น ที่แต่ก่อนสามารถออกจากสนามบินได้นั้น แต่ต่อจากนี้จะไม่ให้ออกจากสนามบิน ทั้งนี้นายกฯ ประชุมวงเล็กกว่า 40 นาที โดยก่อนเดินทางกลับนายกฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอให้ใจเย็นๆ พรุ่งนี้เจอกัน"