นาย อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหารแควนตัสกรุ๊ป กล่าวว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเดินทางลดลงอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนกระทบต่อทุกสายการบินอย่างมาก ถึงแม้แควนตัสกรุ๊ปจะมีสภาวะทางการเงินที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน แต่ด้วยมีค่าจ้างที่ต้องจ่ายปีละกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 73,000 ล้านบาท) และจากการที่ต้องเผชิญกับรายได้ที่ลดลงอย่างมาก จึงต้องตัดสินประคับประคองอนาคตของสายการบินแห่งชาติประเทศออสเตรเลีย ที่มีเครื่องบินถึง 150 ลำที่ต้องจอดไว้โดยไม่ได้บิน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลดจำนวนคนทำงานลง 2 ใน 3 จากบุคลากรทั้งหมด 30,000 คนจนถึงอย่างน้อยที่สุดสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 นี้ โดยเวลานี้พนักงานส่วนใหญ่จะหยุดงานโดยรับค่าจ้างหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งมีแนวทางเลือกอื่นๆ นอกจากนั้นยังได้เจรจากับพาร์ทเนอร์ เช่น ห้างวูลเวิร์ทส เกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ให้บุคลากรของแควนตัสกรุ๊ป จากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทางแควนตัสกรุ๊ป ได้ประกาศปรับลดเที่ยวบินสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินต่างประเทศลง 90% และเส้นทางบินภายในประเทศลง 60% ล่าสุด (19 มีนาคม 2563) แควนตัสกรุ๊ปได้ออกประกาศอีกครั้งถึงผลกระทบต่อผู้โดยสาร และพนักงานจากความต้องการเดินทางลดลงจากเหตุการระบาดของไวรัสโคโรนา โควิด-19 รวมถึงกรณีที่รัฐบาลแนะนำมิให้เดินทางออกจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้เที่ยวบินต่างประเทศจะยังคงให้บริการตามปรกติจนถึงปลายเดือนมีนาคมเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความประสงค์เดินทางกลับประเทศ แต่หลังจากนั้นจะหยุดให้บริการบินชั่วคราวอย่างน้อยถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 และในฐานะสายการบินแห่งชาติประเทศออสเตรเลีย แควนตัสกรุ๊ปยังคงเจรจากับรัฐบาลประเทศออสเตรเลียเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ ต่อไป อีกทั้งการที่เครื่องบินกว่า 150 ลำจะจอดอยู่ชั่วคราว มีทั้งเครื่องบินแอร์บัส A380 เครื่องบินโบอิ้ง747 และเครื่องบินโบอิ้ง787-9 ของสายการบินแควนตัส และเครื่องบินโบอิ้ง787-8 ของสายการบินเจ๊ทสตาร์ ซึ่งทางสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์กำลังเจรจากับสนามบินต่างๆ รวมถึงรัฐบาลเกี่ยวกับการขออนุญาตจอดเครื่องบินเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศ เส้นทางบินระหว่างภูมิภาคและขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งมีความจำเป็นยังคงดำเนินต่อไปมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยเครื่องบินที่บรรทุกผู้โดยสารภายในประเทศบางลำอาจจะนำมาใช้เพื่อขนส่งสินค้าทางอากาศอย่างเดียว ในส่วนของการดำเนินงานของแควนตัส รอยัลตี้จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดจากการประกาศในวันนี้ พร้อมกันนี้การเปลี่ยนแปลงเน็ทเวิร์คเส้นทางบินต่างประเทศนั้น ทางสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์งดให้บริการบินชั่วคราวในเส้นทางบินต่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 แต่อาจให้บริการในบางเที่ยวบิน ในบางเส้นทางขึ้นอยู่กับการเจรจากับรัฐบาลซึ่งขณะนี้ยังดำเนินอยู่ ส่วนสายการบินเจ๊ทสตาร์ เอเชีย (สิงคโปร์) จะหยุดให้บริการเที่ยวบินทั้งหมดชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมถึงอย่างน้อยวันที่ 15 เมษายน 2563 สายการบินเจ๊ทสตาร์ แจแปน จะหยุดให้บริการเที่ยวบินต่างประเทศชั่วคราว และหยุดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศญี่ปุ่น สายการบินเจ๊ทสตาร์ แปซิฟิก (เวียดนาม) จะหยุดให้บริการเที่ยวบินต่างประเทศชั่วคราว และหยุดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเวียดนาม ส่วนการเปลี่ยนแปลงเน็ทเวิร์คเส้นทางบินต่างประเทศ ทางแควนตัสกรุ๊ปจะยังคงเชื่อมต่อเส้นทางภายในประเทศ และเส้นทางภูมิภาคเกือบทั้งหมดที่สายการบินแควนตัส สายการบินแควนตัสลิ้งค์ และสายการบินเจ๊ทสตาร์ที่ปัจจุบันให้บริการอยู่ โดยเที่ยวบินที่ลดลง 60% จะเป็นการลดความถี่จำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการ รวมถึงมีเที่ยวบินที่หยุดให้บริการเที่ยวบินเป็นการชั่วคราว และเลื่อนเปิดให้บริการเที่ยวบินใหม่ออกไป ขณะที่ผลกระทบต่อบุคลากรนั้น เพื่อให้สามารถยืดระยะเวลาการทำงานให้ได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้ สายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์จะให้พนักงานส่วนใหญ่จากทั้งหมด 30,000 คน หยุดงานจนถึงอย่างน้อยที่สุดสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 ระหว่างนี้สามารถใช้สิทธิ์ลาพักร้อนและหยุดงานระยะยาว รวมถึงจะมีแนวทางอื่นๆ เช่น ลาหยุดโดยรับเงินครึ่งหนึ่ง และเกษียณอายุการทำงาน พนักงานที่หยุดน้อยในช่วงแรกสามารถขอเพิ่มวันหยุดได้ยาวถึง 4 สัปดาห์ สำหรับพนักงานบางรายอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการหยุดแล้วไม่ได้รับรายได้ โดยในส่วนของฝ่ายบริหารระดับสูงและคณะกรรมการบริหารสายการบินได้มีการปรับตัดลดเงินเดือนลงจากเดิมที่ประกาศไว้ก่อนหน้า 30% เป็นไม่รับเงินเดือน 100% จนถึงอย่างน้อยที่สุดภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ (30 มิถุนายน 2563) เช่นเดียวกับประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการ รวมทั้งยกเลิกโบนัสประจำปีของฝ่ายบริหารทั้งหมด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันได้มีมติเลื่อนจ่ายเงินปันผลจำนวน 201 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (3,700 ล้านบาท) แก่ผู้ถือหุ้นที่มีประกาศเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 จากวันที่ 9 เมษายน เป็นวันที่ 1 กันยายน 2563 รวมทั้งยกเลิกการซื้อหุ้นคืนจากตลาดจากที่เคยประกาศก่อนหน้านี้