ไทยขึ้นแท่นอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก เช้านี้ภาคเหนือ 8 จุดทะลุโซนแดงอันตราย อีก 14 จุดเริ่มกระทบสุขภาพ ด้านกทม.อากาศยังดี ขณะนักวิชาการดังชี้ ค่าฝุ่นพุ่งปรี๊ดมากว่าครึ่งเดือนแล้วยังไม่มีใครสนใจ ปล่อยให้ชาวเหนือต้องทนทุกข์สูดฝุ่นพิษ ระบุความเหลื่อมล้ำระหว่างกทม.กับตจว. กรมควบคุมมลพิษ รายงานคุณภาพอากาศ วันที่ 20 มี.ค.63 เวลา 07.00 น. ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลพบว่า สภาพอากาศอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ระหว่าง 12 - 35 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงหลายพื้นที่จากเมื่อวาน ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือ คุณภาพอากาศยังคงน่าเป็นห่วง พบว่าเช้านี้ค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวาน ตรวจพบค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ระหว่าง 27 - 257 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเกินมาตรฐานใน 22 พื้นที่ ทั้งนี้ พบว่ามี 8 พื้นที่ที่ค่าฝุ่นเกินระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (โซนสีแดง) ถึง 8 พื้นที่ ประกอบด้วย ค่าฝุ่นสูงสุดยังคงเป็นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 257 ไมโครกรัมฯ ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 205 ไมโครกรัมฯ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 178 ไมโครกรัมฯ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 152 ไมโครกรัมฯ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 147 ไมโครกรัมฯ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 133 ไมโครกรัมฯ ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา 111 ไมโครกรัมฯ ค่าฝุ่นอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (โซนสีส้ม) 14 พื้นที่ ได้แก่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน, ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน, ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน, ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก, ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่, ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย, ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร, ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ขณะที่ www.airvisual.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองมลพิษโดยรายงานแบบเรียลไทม์ วันที่ 20 มี.ค.63 เวลา 07.59 น. พบว่าเช้านี้ คุณภาพอากาศเชียงใหม่ เลวร้ายที่สุดอยู่ในลำดับ 1 ของโลก ค่าฝุ่นอยู่ที่ 394 US AQI และเมืองกทม.อยู่ในลำดับที่ 44 ค่าฝุ่นอยู่ที่ 69 US AQI ทั้งนี้ อ.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมชื่อดัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงปัญหาฝุ่นในพื้นที่ภาคเหนือว่า “ฝุ่นละอองภาคเหนือสูงจนคนแทบอยู่ไม่ได้ พื้นที่3จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย กำลังประสบภัยจากฝุ่นละอองPM 2.5มีค่าสูงตั้งแต่150-350มคก.ต่อลบ.ม.ติดต่อกันมาเกือบ2สัปดาห์ซึ่งค่าฝุ่นดังกล่าวรุนแรงมากขนาดที่คนไม่สามารถรับได้แล้ว ทั้งหมดมาจากการลักลอบเผาป่า การเผาตอซังฟางข้าวและยังมีฝุ่นข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้านพัดเข้ามาผสมอีก แต่ทำไมการแก้ไขปัญหาจึงยังไม่คืบหน้า ค่าฝุ่นละอองยังสูงมากเพราะอะไร ที่ผ่านมาฝุ่นละอองภาคเหนือมีค่าสูงติดอันดับโลกขนาดนี้มานานเกือบ2สัปดาห์แล้วแต่กลับไม่มีหน่วยงานไหนสนใจเท่าที่ควร ทำไมคพ.จึงไม่เสนอแผนจัดการเข้ากก.วล.เหมือนกรณีที่เกิดในพื้นที่กทม.และปริมณฑลทั้งๆที่มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง 2.5เป็นพี่เลี้ยงอยู่แล้ว ขณะที่แผนปฎิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง2.5ประกาศใช้กับพื้นที่ทั้งประ เทศแต่การปฎิบัติกับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างกทม. และจังหวัดในภูมิภาคในพื้นที่กทม. สามารถจับรถควันดำที่มีเกินค่ามาตรฐานได้เป็นพันรายแต่ในส่วนภูมิภาคยังจับคนเผาป่าและเผาไร่นาและไร่ข้าวโพดไม่ได้สักคน ขณะเดียวกันในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายฝุ่นละอองทั้งหมดพัดมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลส่วนกลางต้องเป็นผู้จัดการโดยต้องเร่งเจรจาขอให้ลดการเผาลง...แต่ถึงบัดนี้ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นและไม่เห็นความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น”