“ซีพีแอล” เผยช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ในกลุ่มป้องกันไวรัสโควิด-19 ดันยอดขายแพงโกลิน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหน้ากาก Pango Care มียอดขายเพิ่มขึ้น 126% ขณะที่ชุดป้องกันฝุ่นและเคมี โตกระโดด 600% ยอมรับทำตลาดได้ในช่วงสั้นๆ เหตุความต้องการสูงทำให้สินค้าขาดช่วง ผลิตไม่ทัน ไม่พอจำหน่าย ปรับแผนหันทำตลาดรองเท้านิรภัยที่ผลิตได้เอง ทดแทนสินค้าจากจีนที่หายไป นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล(เซฟตี้โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ทำให้แพงโกลินมียอดขายสินค้าในกลุ่มเซฟตี้ โปรดักส์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วคิดเป็น 6% สวนทางกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง โดยสินค้ากลุ่มผู้นำได้แก่ หน้ากาก Pango care ที่เติบโต 126% และชุดป้องกันฝุ่นและสารเคมี Ultitec ที่เติบโตถึง 600% ขณะที่ยอดขายกลุ่มรองเท้านิรภัยเพิ่มขึ้น 2.5% และกลุ่ม PPE หรืออุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลเติบโต 15% โดยยอมรับว่า จากความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่มป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าความคาดหมาย ประกอบกับโรงงานผลิตสินค้าในจีนประสบปัญหาหยุดชะงัก ทำให้สินค้าในกลุ่มหน้ากาก Pango Care และ ชุดป้องกันฝุ่นและสารเคมี Ultitec มีปริมาณไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย บริษัทจึงตัดสินใจยุติการทำตลาดชั่วคราวจนกว่าโรงงานในจีนจะเริ่มผลิตและสามารถส่งออกสินค้าดังกล่าวได้อีกครั้ง ดังนั้นบริษัทจึงปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาทำตลาดสินค้าในกลุ่มรองเท้านิรภัย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผลิตได้เองจากโรงงานแพงโกลิน อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ที่ยังสามารถเดินหน้าผลิตได้เต็มกำลังการผลิตที่ 80,000 คู่ต่อเดือน และหมวกนิรภัยที่ผลิตได้ 60,000 ใบต่อเดือน ซึ่งสินค้าของแพงโกลิน สามารถเข้ามาเสริมความต้องการในตลาดเพิ่มเติมในช่วงที่รองเท้านิรภัยที่ผลิตในจีนหายไปจากตลาดได้อีกด้วย ทั้งนี้ได้ทำตลาดสินค้าในกลุ่มป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งข้อจำกัดคือ สินค้าในกลุ่มนี้ต้องนำเข้าจากจีน หลังจากนี้ต้องรอให้โรงงานในจีนพร้อมที่จะผลิตได้เต็มที่ จึงจะกลับมาทำตลาดได้อีกครั้ง ดังนั้นในช่วงนี้บริษัทจึงเน้นการทำตลาดสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 รวมถึงทำตลาดผลิตภัณฑ์ SMART Sense ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เป็นการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่ม PANGO Solution จากที่เคยเน้นเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลจะขยายไปสู่สินค้านอกกลุ่ม เพื่อกระจายความเสี่ยง ขณะเดียวกันยังลดผลกระทบจากการแข่งขันในตลาด และสร้างการเติบโตในอนาคตด้วยแนวคิด Service Engineering Technology โดยมี SMART Sense เป็นสินค้าชูโรง ซึ่งขณะนี้ทีมการตลาดและทีมวิศวกรของแพงโกลินกำลังอยู่ระหว่างการเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอบริการด้านการติดตามตรวจสอบด้านความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety Monitoring) และการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตภายในผ่านอุปกรณ์ SMART Sense ซึ่งได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง” สำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ CPL นั้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงทรงตัว ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปในลักษณะประคองตัว ขณะที่ลูกค้าแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า ยังคงเป็นลูกค้าที่เหนียวแน่นของ CPL แม้ว่า ลูกค้าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโดยเฉพาะในยุโรป ที่ส่งผลต่อความตกต่ำของเศรษฐกิจโลกและฉุดให้กำลังซื้อลดลงก็ตาม