สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ชูผลงานในรอบ 3 ปี การสนับสนุนทุนวิจัยมุ่งเป้าด้านข้าว เพื่อขยายผลสู่เกษตรกร และเอกชน พร้อมต่อยอดในเชิงพาณิชย์ เพื่อแก้ปัญหาข้าวไทยครบวงจร พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี วันนี้ (24 เม.ย.60) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “การสัมมนานำเสนอผลงานวิจัย ภายใต้แผนงานวิจัยที่มุ่งเป้าตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศ กลุ่มเรื่อง “ข้าว” พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง “แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวอย่างครบวงจร” โดยมีนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมบรรยายเรื่อง “ทิศทางงานวิจัยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาข้าวอย่างครบวงจร” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. จัดขึ้น เพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนนำผลงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การนำเสนอผลงานวิจัย เรื่อง “ข้าว” ครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับทั้งเกษตรกร ในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถนำนวัตกรรมจากงานวิจัยไปขยายผลต่อยอดในเชิงพาณิชย์ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับข้าวไทยในตลาดโลกได้ สอดคล้องกับกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาข้าวครบวงจร 8 ด้าน ประกอบด้วย 1.การปรับโครงสร้างการผลิตข้าว เพื่อสร้างความสมดุลอุปทานการผลิตใหม่ 2.ส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนนาข้าวคุณภาพต่ำ และเพาะปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสม 3.การสนับสนุนลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการตลาด 4.รณรงค์และโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยบริโภคข้าวมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการผลิตและตลาดข้าวเชิงรุก 5.พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ 6.นำงานวิจัยและนวัตกรรมช่วยต่อเติมห่วงโซ่อุปทานเป็นห่วงโซ่คุณค่า 7.ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้ผลิตรูปแบบอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 8.การพัฒนาข้าวคุณภาพข้าว โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวในเขตพื้นที่เหมาะสม นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้าน นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลสำเร็จการรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ มี สวก. ทำหน้าที่บริหารจัดการทุนวิจัย จนมีผลงานวิจัยที่ประสบผลสำเร็จทั้งในเชิงพาณิชย์ เชิงสาธารณะ และเชิงนโยบาย โดยในกรอบแนวทางของการแก้ไขปัญหาข้าวครบวงจร ด้าน “นำงานวิจัยและนวัตกรรมช่วยต่อเติมห่วงโซ่อุปทานเป็นห่วงโซ่คุณค่า” นั้น สวก.ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่นักวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม พัฒนาสินค้าข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ทั้งในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ โภชนเภสัช เวชภัณฑ์และเวชสำอาง นายธีรวัช ภรสัมฤทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญระบบวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานให้ทุนทำวิจัย ภายใต้ชื่อเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) บริหารจัดการทุนอุดหนุนการวิจัยที่มุ่งเป้าตอบสนองความต้องการพัฒนาระเทศกลุ่มเรื่องข้าวมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 จนถึงปัจจุบัน โดยได้จัดสรรทุนวิจัย 874 ล้านบาท จำนวน 287 โครงการ โดยมี สวก. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบบริหารทุนวิจัย เพื่อจัดสรรให้แก่โครงการวิจัยที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการผลิตและคุณภาพข้าวอย่างครบวงจร นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ขณะที่ นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2557 สวก. ได้จัดสรรทุนวิจัยให้แก่นักวิจัย รวมทั้งสิ้น 608 ล้านบาท จำนวน 192 โครงการ มีผลงานวิจัยที่ก่อให้เกิดผลสำเร็จ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลงานที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้จดคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว 52 คำขอ มีผลงานวิจัยที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนนำไปผลิตเป็นการค้าแล้ว 10 ราย จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1.การออกแบบสร้างเครื่องให้ความร้อนแบบไดอิเล็คตริก สำหรับฆ่ามอดข้าว 2.โครงการคุณลักษณะจำเพาะต่อการแปรรูปของข้าว 84 สายพันธุ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ : ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพมูลค่าเพิ่มจากข้าวสายพันธุ์เด่นของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3.โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้นแบบจากน้ำหมักที่ได้จากข้าวก่ำสายพันธุ์ KKU URL 381 4.โครงการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากการเพาะเลี้ยงจมูกข้าว และ5.โครงการประยุกต์ใช้สารออกฤทธิ์จากข้าวสีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และกลุ่มผลงานที่เป็นองค์ความรู้และผลงานที่นำไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะ จำนวน 44 โครงการ มีผลงานวิจัยเด่นใน 3 ระดับ ได้แก่ ต้นน้ำ เน้นการพัฒนาเกษตรกรให้ใช้เทคโนโลยีในการผลิตข้าวที่เหมาะสม ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น กลางน้ำ เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีในการผลิตข้าวตลอดห่วงโซ่การผลิตข้าวคุณภาพ และปลายน้ำ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมข้าวที่มีคุณสมบัติพิเศษจากจุดเด่นของข้าวไทยที่มีความหลากหลายกว่าประเทศคู่แข่ง เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง “ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากมุมมองของเกษตรกร นักวิจัยและผู้ประกอบการ รวมทั้งจัดแสดงนิทรรศการการขับเคลื่อนงานวิจัย สวก. ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลงานวิจัยที่นำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตข้าวครบวงจรตั้งแต่การปลูกจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ มีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างมูลค่าสูงจากนวัตกรรมรวม 21 ผลิตภัณฑ์ เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า หรือผลิตภัณฑ์ 3.0 จำนวน 15 ผลิตภัณฑ์ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าจากนวัตกรรม หรือผลิตภัณฑ์ 4.0 จำนวน 6 ผลิตภัณฑ์” ผู้อำนวยการ สวก. กล่าว