ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรง “โควิด-19” ที่หวาดวิตกกันทั่วไทย ชาวเหนือในช่วงนี้ยังต้องประสบกับพิษภัยของฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Sonthi Kochawat” ให้ความเห็นถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังวิกฤติหนักในพื้นที่ภาคเหนือโดยตอนหนึ่งระบุ “จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนมีค่าฝุ่น PM 2.5 มีค่าสูงมากตั้งแต่ 120-250 มค.ก./ลบ.ม. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอัน ตรายต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่เกิดจากไฟป่าอันเป็นผลมาจากการเผาป่าของคนในพื้นที่เป็นหลักเพื่อจะหาของป่า มีการเผาเพื่อให้ผักหวานและเห็ดถอบงอก เผาตอซังเพื่อเตรียมทำไร่ข้าวโพด เป็นต้น รัฐบาลส่วนกลางกำลังต่อสู้กับไวรัส covid19 อย่างเข้มข้น จึงให้ความสนใจปัญหาฝุ่นควันที่จังหวัดภาคเหนือน้อยลงมากทั้งที่มีค่าความเข้มเข้นสูงกว่าที่เกิดในเขตกทม.และปริมณฑลถึง 3-4 เท่า ปล่อยโดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เป็น single command สั่งการและจัดการเบ็ดเสร็จในพื้นที่ แต่เอาเข้าจริงที่ผ่านมาค่าปริมาณฝุ่น PM 2.5 กลับสูงขึ้นเรื่อยๆ การดับไฟป่าบนภูเขาสูงชันทำได้ยากต้องบูรณาการทุกภาคส่วนขณะที่ไม่สามารถจับคนลักลอบเผาป่าได้รวมทั้งการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้เผาทำได้ยาก เพราะมีหลายกลุ่มที่รัฐบาลควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดการลักลอบเผาป่าและเผาตอซังฟางข้าวเนื่องจากต้องการเร่งเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมปลูกพืชไร่และทำนาก่อนฝนตก เรื่องนี้ต้องเป็นกลไกระดับประเทศที่เข้าไปจัดการไม่ใช่เพียงผู้ว่าราชการจังหวัด หากปริมาณฝุ่น PM 2.5 มีค่าสูงเหมือนที่เกิดขึ้นที่เชียงรายไปเกิดในกรุงเทพและปริมณฑลซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศ หน่วยงานรัฐส่วนกลางคงจะเร่งประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหามาตรการจัดการอย่างเร่งด่วนและรีบนำเข้าครม.เพื่อให้สั่งการแก้ไขปัญหาทันที แต่กลับกันกรณีนี้ไปเกิดที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน เมืองภูมิภาค ดังนั้น ทุกอย่างจึงเงียบกริบ ปล่อยให้พื้นที่และประชาชนไปว่ากันเอง” ขอบคุณเรื่อง-ภาพจากเพจ Sonthi Kochawat