“บิ๊กตู่” เครียดข่าวคนติดตาม “ธรรมนัส” เอี่ยวกักตุนหน้ากากอนามัยส่งขายจีน บอกไม่สบายใจ ขอเร่งแก้ปัญหา “โควิด-19” ขู่งัดระเบียบจัดการหากทำงานไร้ประสิทธิภาพ ด้าน“ธรรมนัส”ปัดเอี่ยวกักตุนหน้ากาก ลั่นสั่งสอบ “พิตตินันท์” ผิดจริงไม่เลี้ยงดำเนินคดีถึงที่สุด ระบุแจ้งนายกฯทราบแล้ว ส่วน“พิตตินันท์” ลั่นไม่เกี่ยวข้องเอี่ยวขายหน้ากากอนามัย พร้อมแจ้งความตร.เอาผิดคนโพสต์ภาพผ่านโซลเชียล ยอมรับรู้เรื่อง“ศรสุวีร์” เจรจาซื้อขายกับรุ่นน้อง “กองปราบ”ลุยค้นบ้าน“ศรสุวีย์”แต่ไม่เจอเจ้าตัว “แฟนสาว”อ้างคลิปของเก่า “ปปช.”จ่อสอบ “พิตตินันท์” เข้าข่ายจนท.รัฐใช้อำนาจมิชอบหรือไม่ ด้าน“สธ.”เผยยอด “186ผีน้อย” กักตัวสัตหีบ ต้องดูแลพิเศษ 18 คน เสี่ยงสูง 8 คน ส่วนนศ.ไทยกลับจากอิหร่านพบมีผู้เสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด 157 ราย ต้องติดตามตัวเฝ้าอาการ “ศักดิ์สยาม” ตั้งรางวัลหมื่นบาทแจ้งแบะแสจับ “ผีน้อยกิมจิ” หนีด่าน “มักกะโรนี”ส่อเดินตามรอย“มังกรจีน” ปิดประเทศหลังไวรัสมรณะอาละวาดหนัก ส่วนยอดตาย-ติดเชื้อยังพุ่งไม่หยุด ที่อาคารบี ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 9มี.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปฎิเสธตอบคำถามถึงกระแสข่าวคนติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กักตุนหน้าหากอนามัย จำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อนำขายนายทุนประเทศจีนและผู้อื่น โดยมีสีหน้าเคร่ง เครียดอย่างเห็นได้ชัด “ทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์บ้านเมืองเรามีอะไรบ้าง และกระทบกับการทำงานของเรา สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้างความเชื่อมั่น สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน วันก่อนผมได้ฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่พูดดีกว่า เพราะสื่ออยู่ วันนี้มีหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเน้นย้ำเรื่องการแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เรื่องอากาศ เรื่องเศรษฐกิจ และภัยแล้ง ทุกอย่างผมเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด ไม่ว่าใครจะสั่งอะไร ต้องขออนุมัติจากผมทั้งหมด ทั้งรัฐมนตรี รองนายกฯต้องชี้แจงผมทุกครั้ง แต่ปัญหา คือในทางปฏิบัติ ที่ยังไม่ทั่วถึง และทำให้มีปัญหา ในการปฏิบัติระดับล่าง จึงต้องกวดขันเจ้าหน้าที่ทุกคนในทุกระดับ อย่าให้ผมได้รับแจ้งว่าใครที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เข้าใจนะ” ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ แถลงยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี และไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ส่วน นายพิตตินันท์ รักเอียด เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคณะทำงาน แต่ไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง อย่างไรก็ตามได้เรียนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์แล้ว “ได้แจ้งทีมงานแล้วว่า ให้นายพิตตินันท์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้ และเอาผิดกับนายศรสุวีร์ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง กับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือชลบุรีว่า ให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วและหากมีการกัก ตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริง จะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตาม ที่เป็นคณะทำงานผม หากไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้าย” ทั้งนี้ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้จะกระทบกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ยืนยันว่ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง หากประชาชนเห็นว่าตนเองไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีตนพร้อมลาออกเอง ด้าน นายพิตตินันท์ กล่าวว่า ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ท่าชนะ และอยู่ระหว่างการปรึกษากับทนายความเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำภาพของตนไปโพสต์ลงโซเซียล แต่ยอมรับว่าได้ร่วมถ่ายภาพกับนายศรสุวีร์ จริง แต่การไปพบดังกล่าวเป็นการไปพบปะธรรมดาผ่านรุ่นน้องชื่อ“กอล์ฟ”มีอาชีพชิปปิ้ง ซึ่งวันดังกล่าวนายกอล์ฟ ได้เดินทางมาพร้อมภรรยาได้ชวน ตนไปดื่มกินที่โรงแรมและก็ทราบว่า มีการเจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัยระหว่างนายศรสุวีร์ กับรุ่นน้อง แต่ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม กก.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 149/30 หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายในหมู่บ้านภัททรา วิลเลจ ซึ่งเป็นบ้านของนายศรสุวีย์ โดนพบน.ส.แป้ง แฟนสาว แต่ไม่พบตัวนายศรสุวีย์ เนื่องจากเดินทางไปจันทบุรี และยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม นางสาวแป้ง ระบุว่า คลิปดังกล่าว เป็นของเก่านานแล้ว และในคลิป ลงแค่อยากขายเท่านั้น และเป็นของโรงงานคนอื่น นอกจากนั้นตนเองพยายามติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องให้นายศรสุวีย์มาชี้แจงเอง ซึ่งควาดว่าจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ในวันนี้(9มี.ค.) ส่วน นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เบื้องต้น ป.ปช.จะตรวจสอบก่อนว่านายพิตตินันท์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คงใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน และหากตรวจสอบพบเป็นเจ้าหน้า ที่รัฐก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการของ ป.ป.ช. แต่ต้องไปดูข้อเท็จจริงเสียก่อน ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคและคณะ แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-1 9ว่า ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อคงอยู่ที่ 16 ราย กลับบ้านแล้ว 33 ราย เสียชีวิต 1 รายรวมยอดสะสม 50 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ส่วนแรงงานไทย นอกระบบจากประเทศเกาหลีใต้ รับไว้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ 186 คน มีกลุ่มที่ต้องดูแลพิเศษ 18 คน (มีหญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) และกลุ่มเสี่ยงสูง 8 คน (มาจากเมืองแทกูและคยองซังเหนือ) ในส่วนการติดตามผู้สัมผัสกับนักศึกษาชายไทยจากอิหร่าน พบมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 157 ราย ได้ติดตามตัว เฝ้าสังเกตอาการและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยมีบางคนเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ส่วนที่อยู่ในประเทศไทยทีมสอบสวนโรคได้ตามตัวเพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ ส่วน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้เพื่อรับทราบการปฏิบัติงาน จุดคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและจุดติดตั้ง Thermoscan ก่อนเข้าจุดตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เพื่อสร้างความมั่นใจในการคัดกรองให้แก่ประชาชน ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศแล้วและหลบเลี่ยงการตรวจก็ขอให้ไปตรวจกับโรงพยาบาลหากไม่มาต้องกักตัว 14 วัน โดยขณะนี้ได้มีการตั้งรางวัลชี้แบะแสจำนวน 10,000 บาท สำหรับคนหลบหนี ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สถานการณ์แพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอิตาลี ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1,492 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ทำให้ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อสะสมมีจำนวนที่ 5,883 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 7,375 รายและเสียชีวิต 366 ราย ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวอาจส่งผลให้อิตาลี ต้องปิดเมืองต่างๆ เหมือนจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะเดียวกัน ในประเทศสหรัฐฯ ก็มีความรุนแรงจนน่าวิตก โดยมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนสะสมทั้งสิ้น 564 ราย ในพื้นที่ของการแพร่ระบาดรวม 35 รัฐ จากจำนวนทั้งสิ้น 50 รัฐ ด้านสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กว่า 90 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 109,270 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 3,816 ราย และผู้ป่วยที่รักษาจนหายมีจำนวน 62,176 ราย