สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศอิตาลี ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ตรวจพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่ และผู้ป่วยที่เสียชีวิต ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงเป็นต้นมา โดยกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1,492 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ทำให้ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อสะสมมีจำนวนที่ 5,883 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 7,375 ราย นอกจากนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตก็ได้ทะยานพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ระบุว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีจำนวน 133 ราย ส่งผลให้ยอดรวมของผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนทั้งสิ้นในเวลานี้ 366 ราย รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ข้างต้น ก็อาจส่งผลให้อิตาลี ต้องดำเนินวิธีการซ้ำรอยกับจีนแผ่นดินใหญ่ ศูนย์กลางแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ไปทั่วโลก ด้วยการปิดเมืองต่างๆ ทั้งหมดทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า นอกจากทางการอิตาลี โดยนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต มีคำสั่งปิดจังหวัดต่างๆ 15 แห่ง ในภาคเหนือทั้งหมดแล้ว ล่าสุด ก็ได้ออกคำสั่งให้ปิดสถานที่ที่มีผู้คนไปชุมนุมเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียน พิพิธภัณฑ์ ไนท์คลับ และถนนคนเดิน ทั้งหมดทั่วประเทศแล้ว ซึ่งคำสั่งปิดจะมีผลไปจนถึงวันที่ 3เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ทางด้านสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในประเทศสหรัฐฯ ก็มีความรุนแรงจนน่าวิตกกังวลเช่นกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 120 ราย ส่งผลให้ในสหรัฐฯ ณ เวลานี้ มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนสะสมทั้งสิ้น 564 ราย ในพื้นที่ของการแพร่ระบาดรวมแล้ว 35 รัฐ จากจำนวนทั้งสิ้น 50 รัฐ ทางด้าน สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในประเทศเกาหลีใต้ ยังคงน่าวิตกเช่นกัน เนื่องจากพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายใหม่ 248 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 7,382 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 51 ราย ด้านสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กว่า 90 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 109,270 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 3,816 ราย และผู้ป่วยที่รักษาจนหายมีจำนวน 62,176 ราย