เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีชาวเน็ตแห่เข้าชื่นชมเจ้าของเฟสบุ๊คชื่อว่า Anutchakorn Ngokkham ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ โพสต์กักตัวเอง15 วัน อยู่ภายในบ้านหลังจากกลับมาจากประเทศเกาหลี โดยมีข้อความเขียนใส่กระดาษชาร์ทแผ่นใหญ่ติดไว้ที่ประตูทางเข้าหน้าบ้าน มีข้อความว่า “เรียนญาติโกโหติกา คุณยายผมและตาลาศ เนื่องจากหลานสาวเพิ่งกลับจากเกาหลีต้องกักตัว 15 วัน ห้ามใครเข้าบ้านโดยพละการ และเรียนเพื่อนๆ ที่รักของด๋อย รักกู คิดถึงกู แต่ไม่ต้องมาหากูนะคะ ถ้าจะใจดี ซื้อแค่ตำบักหุ่งนัวๆ มาห้อยไว้ประตูรั้วก็พอค่ะ *ห้ามเข้า 7 มี.ค.-21 มี.ค.2020 เด้อค่า..ด้วยรักและห่วงใยทุกคน ด.ญ.กุ๊กกิ๊กคนที่น่ารักที่สุดใน อ.เซกา” จากข้อความข้างบนและมีภาพประกอบซึ่งมี น.ส.อณัชฌากรณ์ งอกคำ อายุ 34 ปีหรือ “กุ๊กกิ๊ก”บ้านเลขที่ 122 หมู่ 10 บ้านเซกาใต้ ยืนชี้มือไปที่ป้ายประกาศที่ติดไว้ประตูหน้าบ้านอย่างชัดเจนเพื่อให้ญาติๆ และเพื่อนๆ ที่จะมาแวะเวียนถามข่าวคราวได้รับทราบ นอกจากมีป้ายเตือนคนที่จะเข้ามาในบ้านได้รับรู้ยังมีขวดแอลกอฮอล์แขวนไว้ที่ประตูอีกด้วย เพื่อมีคนมาสัมผัสจะได้ทำความสะอาดไปด้วย จากเรื่องราวดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็น พร้อมให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก เช่น ทำถูกต้องก็น่าชื่นชม ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างที่ดี / นี้เละครับ ที่สังคมต้องการ / ชอบๆๆ คนแบบนี้สิน่ารัก ตัวอย่างที่ดีของสังคม / น่ารักมากค่ะ ขอยกย่องว่าเป็นคนดี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อความว่า Edit1 - กูไม่ใช่ผีน้อยค่า และเข้าออกเกาหลีมา 15 รอบแล้วข่าาาาา อย่าเข้าใจผิด อย่าเรียกเราว่าผี เด้อ !!!! เคียดให้เด๊ !แม้เราไม่มีไข้ แต่เราก็รับผิดชอบตัวเองนะคะ และทั้งครอบครัวก็เฝ้าระวังเป็นเพื่อนด้วย ทุกคนย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังค่ะ ส่วนกิ๊กอยู่บ้านเก่ายายคนเดียว ห้ามใครเข้าบ้านโดยพละการนะคะ ถือว่าแจ้งแล้ว และครอบครัวเราเป็นคนสำนึกดีมาก รับผิดชอบต่อสังคม ถ้าครบ 15 วันแล้วกิ๊กไม่มีไข้ ไม่ได้ติดเชื้อใด ๆ กิ๊กจะแจ้งสาสุขเจาะเลือดส่งตรวจเพื่อความมั่นใจอีก 100% นะคะ (ส่วนตัวเอง) เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวและได้พบกับ นางวรัชยา เข็มเพชร อายุ 40 ปีหรือครูแหม่ม ซึ่งเป็นน้าสาวได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนที่ น.ส.อณัชฌากรณ์ งอกคำหรือกุ๊กกิ๊ก หลานสาวจะกลับจากประเทศเกาหลี ซึ่งได้เข้าประเทศเกาหลีอย่างถูกต้อง ก็ได้ติดต่อประสานกันทั้งทางโทรศัพท์และทาง LINE ตลอดเวลาว่าจะมาถึงประเทศไทยวันไหนเวลาทั่วไร หลังจากคุยกันเป็นที่เข้าใจแล้วจึงได้สอบถามไปทางสาธารณสุขอำเภอเซกา ซึ่งได้แนะนำว่าให้กักตัวอยู่ในห้องคนเดียว 14 วัน โดยบ้านหลังดังกล่าวไม่ให้มีใครร่วมอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อหลานสาวเดินทางมาถึงวันที่ 6 มี.ค.เวลา 14.00 น.ก็ให้เข้าพักที่บ้าน 2 ชั้นหลังแรกส่วนพวกตนลูกๆ และตายายก็อพยพไปอยู่บ้านชั้นเดียวด้านหลัง ซึ่งอยู่ในบริเวณรอบรั้วบ้านเดียวกัน โดยเริ่มกักตัวมาตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.ที่เดินทางมาถึงวานนี้ โดยให้น้องเขาพักอยู่คนเดียว ส่วนอาหารการกินนั้น ทางคุณยายผม(ชื่อนางผม) ได้ทำกับข้าวไปส่งให้ทุกมื้อ โดยไปวางกับข้าวไว้ที่หน้าห้องนอน และได้โทรศัพท์เข้าไปให้เปิดประตูออกมารับอาหารที่วางเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ไดยุ่งยากหรือลำบากอะไร ครูแหม่มหรือน้าแหม่ของ น.ส.กุ๊กกิ๊กเล่าต่อไปว่า หลานสาวไปทำงานร้องเพลงที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลี ซึ่งในจุดที่ทำงานอยู่ไม่มีโรคระบาดของโควิด 19 แต่อย่างใด แต่เมื่อเกิดมีข่าวแพร่สะพัดการระบาดของโรคนี้ออกไปอย่างกว้างขวางก็เกรงจะติดเชื้อไปด้วย จึงอยากจะกลับมาพักที่บ้าน โดยมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วัดอุณหภูมิร่างกายได้ 36 องศาซึ่งเป็นปกติไม่มีไข้ แต่เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและคนในครอบครัวตลอดจนสังคมรอบข้างจึงต้องกักตัวไว้ก่อนภายในบ้าน 15 วันคือเริ่มตั้งแต่วันที่มาถึงวันที่ 6 จนถึงวันที่ 21 มี.ค.ถึงจะครบกำหนด จากนั้นจึงจะ ไปตรวจเลือดเพื่อดูอาการอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากข่าวนี้ได้นำเสนอผ่านโซเชียล นอกจากจะมีคนชื่นชมการกระทำของน้องกุ๊กกิ๊กและญาติๆ แล้วยังมี่สมาชิกให้กำลังใจ คือห้างทองนำโชคเซกาได้ซื้อส้มตำมาฝาก 2 ถุง ซึ่งเจ้าตัวก็ขอบคุณและแจ้งว่าได้กินตำบักฮุ่งแล้วเด้อ นอกจากนั้นก็ยังมีเพื่อนๆ ซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาฝากโดยนำไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าวด้วย