"ประภัตร" เปิดพื้นที่บ้านควาย สุพรรณฯ ฟรี ยกเป็นศูนย์เรียนรู้ ให้เกษตรกร ดูงานพัฒนาอาชีพ พร้อมเตรียมจัดงาน "มหกรรมเกษตรสร้างชาติ" ยันไม่กลัวโดนโจมตี ดีกว่าจัดอีเวนใช้งบงานละ 30-40 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมโครงการเกษตรสร้างชาติว่า ตามที่รัฐบาล นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายเร่งด่วนในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ และผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เพื่อให้เกิดการสร้างงานและรายได้ที่เหมาะสมในแต่ละชุมชน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูภาคการเกษตรทั้งระบบของประเทศ โดยเน้นให้แต่ละหน่วยงานจัดทำศูนย์การเรียนรู้และสาธิตการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ อาทิ 1.ด้านพืช ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย 2.ด้านประมง ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำ 3.ด้านปศุสัตว์ ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ แพะ และสัตว์ปีก 4.ด้านการตลาด การแปรรูป เพิ่มมูลค่าการผลิต
กระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินโครงการเกษตรสร้างชาติ โดยมีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการผลิตด้านการเกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง โดยการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 และมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 29 พ.ย.62 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี และจากการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.62 ได้มีข้อตกลงครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้ เริ่มดำเนินการนำร่องโครงการเกษตรสร้างชาติ ในส่วนของด้านปศุสัตว์ไปแล้วในหลายจังหวัด
ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการเกษตรสร้างชาติ ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม กระทรวงเกษตรฯ จึงเตรียมจัดงาน “มหกรรมเกษตรสร้างชาติ” ขึ้น พร้อมทั้งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในวันนี้เพื่อหารือแนวทางการจัดงาน พร้อมกำหนดกรอบโครงการเกษตรสร้างชาติให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการส่งเสริมการสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร โดยจะจัดให้มีศูนย์ถ่ายทอด ศูนย์เรียนรู้ที่มีเมนูอาชีพสำหรับเกษตรกรให้เลือกหลากหลาย มีตลาดรองรับแน่นอน มีการสัมมนา อบรม สาธิต รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินในการเขียนแผนธุรกิจ เพื่อให้เป็นจุดบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการปลายเดือน มี.ค. นี้ สำหรับผู้ที่สนใจขณะนี้สามารถเข้าชมศูนย์เรียนรู้ด้านปศุสัตว์ อาทิ โค แพะ แกะ และไก่พื้นบ้านได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดวิสาหกิจชุมชนไม่น้อยกว่า 7 คน ซึ่งที่ผ่านมาพบปัญหาว่าเกษตรกรหลายกลุ่มเขียนแผนธุรกิจไม่ผ่านเงื่อนไขของ ธ.ก.ส. ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ดังนั้นจึงหารือร่วมกันถึงเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งก็ได้ปรับให้เหมาะสม และใช้พื้นที่ของหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี ซึ่งขอยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ตามที่เป็นกระแสข่าวเรื่องสถานที่จัดงานอยู่ในขณะนี้ และพร้อมเปิดให้ใช้พื้นที่ฟรีกว่า 100 ไร่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีความเหมาะสมและเป็นแหล่งเรียนรู้และศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรเชิงท่องเที่ยว โดยเปิดให้ทุกหน่วยงานจัดนิทรรศการเพื่อการเรียนรู้ในด้านการส่งเสริมตามโครงการเกษตรสร้างชาติทั้ง 4 ด้านในรูปแบบโมเดล นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ประสาน ธ.ก.ส. ที่เป็นแหล่งเงินทุนมาแนะนำให้ความรู้ในการเขียนโครงการ เพื่อขอกู้ยืมเงินสนับสนุนอาชีพเกษตรกรในด้านต่าง ๆ ให้ผ่านหลักเกณฑ์และให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งการจัดงานมหกรรมเกษตรสร้างชาติครั้งนี้ จะเน้นรูปแบบ One Stop Service คือ เกษตรกรมาในงานนี้จะได้ทั้งความรู้และแหล่งเงินทุนในการส่งเสริมอาชีพต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าให้ใช้พื้นที่บ้านควาย ซึ่งเป็นของรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เอง ไม่กลัวโดนโจมตีหรือ และเป็นช่วงใกล้ปรับครม. ด้วย นายประภัตร กล่าวว่า เราเป็นรัฐมนตรีควรหยิบยื่นสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เกษตรกร เป็นหน้าที่ ไม่ได้ใช้งบหลวงแม้แต่บาทเดียว หากโดน โจมตี เป็นเรื่องธรรมดา ของคนอิจฉา และไม่กลัว ใครอยากทำบ้างก็เชิญ ดีกว่าจัดงานอีเวนใช้งบทีละ 30-40 ล้านบาท ตนให้ใช้พื้นที่ฟรี เพื่อไปทำให้เกิดประโยชน์ชาวไร่ชาวนา เงินจะได้ออกมาอุดหนุน เวลานี้จะตายกันหมด ส่วนการปรับครม. ตนไม่ทราบเพราะในกระทรวงเกษตร ทุกคนทำงานลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้จะปรับอย่างไรต้องถามท่านนายกฯและท่าน ไม่เคยพูดเรื่องปรับครม.มีพูดอย่างเดียวให้ช่วยกันทำงาน


