“โกลเบล็ก”มองหุ้นไทยยังไม่ฟื้น จากประเด็นกดดันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการเมืองในประเทศขาดเสถียรภาพจากการเกิดแฟลชม็อบของนิสิต-นักศึกษาหลายสถาบัน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,380 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า-Defensive- High Dividend ส่วนทิศทางราคาทองคำมีลุ้นรีบาวด์ต่อเนื่อง คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,585-1,640 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯและ LIBOR ยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางขาลง โดยประเด็นกดดันหลักยังอยู่ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนปัจจัยในประเทศมีแรงกดดันจากการชุมนุมแฟลชม็อบของกลุ่มนิสิตนักศึกษาเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนในระบอบประชาธิปไตย ขณะที่ภาคการผลิตและภาคบริการของจีนมีแนวโน้มหดตัวแรงจากการที่สำนักงานสถิติจีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.63 ร่วงแตะ 29.6 ส่วน PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.63 ร่วงแตะ 35.7 ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว จึงคาดการณ์ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,380 จุด นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้ ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในระยะสั้นได้อาทิ การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2562 และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.ของสหรัฐฯในวันที่ 5 มี.ค.63รวมทั้งการประชุมโอเปกในวันที่ 5-6 มี.ค.63 ส่วนวันที่ 6 มี.ค.63 สหรัฐฯจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.63 ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค.63 และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.63 และวันที่ 7 มี.ค.63 จีนเปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค.-ก.พ.63 และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ.63 น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามาบ้างในขณะนี้อาทิ เฟด เตรียมใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อหนุนเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 ระบาด หรือเงินบาทอ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเป็นผลดีต่อการส่งออก และกระทรวงการคลังกำลังเร่งพิจารณาออกมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเร่งด่วนในการช่วยเหลือด้านการเงินและภาษีเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ดัชนีดีดตัวแรง ทั้งนี้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เช่น TU และ CPF รวมทั้งหุ้น Defensive เช่น RATCH,TTW,ADVANC และ CHG นอกจากนี้ยังมีหุ้น High Dividend เช่น KKP,TISCO และ INTUCH ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเยอะในช่วงที่ผ่านมา ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำคาดว่ามีโอกาสรีบาวด์ได้หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯและ LIBOR ยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวในไตรมาส 1/2563 นอกจากนี้หากพิจารณาสถานะการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ยังคงถือสถานะที่ระดับ 934 ตัน ซึ่งใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี 4 เดือนเป็นสัญญาณของกองทุน passive และธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังคงถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย มองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,585-1,640 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 23,520-24,420 บาทต่อบาททองคำ