“เอกชัย-สิรวิทย์” ยื่นคำพิพากษาศาลออสเตรเลียให้ กกต.สอบคุณสมบัติ “ธรรมนัส” คดียาเสพติด ย้ำคำตัดสินระบุชัดว่าสารภาพ ส่วนคำอุทธรณ์เพียงคำขอลดโทษ ระบุคำร้องก่อนนี้ไม่คืบ หลังยื่นเพิ่ม ระบุ กกต.น่าจะเร่งพิจารณาส่งศาลวินิจฉัย เมื่อวันที่​ 3 มี.ค.63 เวลา​ 10.15 น.ที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง ​(ก​กต.)​นายเอกชัย หงส์กังวาน พร้อมนายสิรวิทย์ ช่วงเสน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้เพิกถอนสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ส.ส.เขต 1 พะเยา พรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้แสดงหลักฐานเป็นคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออสเตรเลีย หมายเลข 60449/94 และ 60434/94 พิพากษาจำคุก ร.อ.ธรรมนัส ฐานนำเข้าและค้ายาเสพติดเป็นเวลา 6 ปี จึงเห็นว่า โทษดังกล่าวเข้าข่ายทำให้มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10 ) ที่ห้ามบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษา อันถึงที่สุดตามกฎหมาย ว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จึงเห็นว่า กกต. ควรพิจารณา และมีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส และตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อความเชื่อมั่น ของประชาชนที่มีต่อ กกต.จึงควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน “คำพิพากษานี้เป็นคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ระหว่างอัยการกับ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งในคำพิพากษาอุทธรณ์ซึ่งผมอ่านแล้ว​ เขาอุทธรณ์ในประเด็นที่ว่า ในศาลชั้นต้นคุณธรรมนัสรับสารภาพ คือคดีนี้มีผู้ต้องหา 4 คน เป็นคนไทย 2 คน คนออสเตรเลีย 2 คน ศาลสั่งจำคุกคนออสเตรเลียคนละ 2 ปีครึ่ง และส่วนคนไทย 2 คน ศาลจำคุย 6 ปี แล้วการอุทธรณ์เป็นการอุทธรณ์แค่ว่าโทษของคนไทยสูงกว่าคนออสเตรเลีย ขอให้ลดโทษในคำพิพากษาอุทธรณ์ไม่มีพูดถึงว่า คุณธรรมนัสปฎิเสธ ว่าไม่ได้นำเข้าเฮโรอีน แต่บอกว่าโทษของเขาสูงกว่าคนออสเตรเลีย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ผมก็มองว่า คุณธรรมนัสยอมรับ” นายเอกชัยกล่าว ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนเคยยื่นคำร้องเรื่องดังกล่าวต่อ กกต.ไปแล้ว และได้พยายามติดตามมาโดยตลอด ซึ่ง กกต.ก็แจ้งแต่เพียงว่าอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวน อีกทั้งในการยื่นขณะนั้นยังไม่มีเอกสารคำพิพากษา แต่ในการยื่นครั้งนี้มีสำเนาเอกสารคำพิพากษาดังกล่าวมาให้ กกต.พิจารณา จึงอยากให้ กกต.รีบดำเนินการ เมื่อถามทางรัฐบาลเคยบอกว่ากฎหมายไทยและออสเตรเลีย คนละอย่างกันไม่สามารถใช้บังคับกันได้ นายเอกชัยกล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยมีความเห็นในคดีอื่นกรณีต้องโทษจากต่างประเทศ ว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ไม่ต้องฟังคำพิพากษาของประเทศอื่น ซึ่งตนมองว่า เป็นแค่ความเห็นทางกฎหมาย ไม่ใช่คำพิพากษา เพราะคำพิพากษาที่บอกว่าไม่ยึดของต่างประเทศ ที่เป็นคำพิพากษาจริงๆ ไม่มี มีแค่ความเห็นทางกฎหมาย เพราะฉะนั้น เลยอยากให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเขาเป็นศาล ไม่ใช่เป็นแค่ที่ปรึกษาเหมือนกฤษฎีกาจึงยังฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามการยื่นเรื่องในครั้งนี้ นายเอกชัยได้นำ แป้งมัน 1 ถุงมามอบให้ กกต. เป็นการมอบให้ในเชิงสัญลักษณ์ที่ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงว่าในครั้งนั้นที่ถูกจับเป็นเพียงแป้งมันเท่านั้น โดยระบุว่า กกต.จะเอาแป้งมันไปทำอะไรกินก็ได้