3 พรรคยื่น "ชวน"เปิดวิสามัญถกปมแฟลชม็อบ "เต้"ชี้เป็นการเปิดพื้นที่ร่วมกันหาทางออก หวั่นลุกลามบานปลาย วอนนักศึกษาชุมนุมตามกรอบกฎหมาย เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 2 มี.ค.63 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ สถิรชวาล พรรคประชาธรรมไทย และ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จากกรณีการจัดชุมนุมทางการเมือง ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ผ่านนายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา นายพิเชษฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนมีความหวั่นวิตกในการชุมนุมของนักศึกษาหลายครั้งทั่วประเทศ ดังนั้น ในฐานะส.ส.จึงเห็นว่าควรนำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด จุงอยากให้เปิดประชุมวิสามัญเพื่อที่ทำจะทำให้ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาเข้ามาสู่สภาผ่านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและจะได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ด้านนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประมาณ 20-30 จุดแต่ละจุดมีมวลชนเข้ามาร่วมจำนวนมาก ล่าสุดมีการรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คิดว่าถ้ารวมกันแล้วน่าจะมีจำนวนประมาณแสนคน ส่วนใหญ่อาจไม่พอใจกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ และไม่เข้าใจถึงเหตุผลในการยุบพรรค รวมไปถึงการต้องการให้นายกฯลาออก ยุบสภา หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องการให้องค์กรอิสระลาออก "จึงอยากบอกไปยังนักศึกษาว่าสามารถจัดชุมนุมตามกฎหมายได้ แต่ต้องไม่ไปริดลอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการปราศรัยต้องไม่กระทบสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชน ทั้งนี้ หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 คิดว่าจะสามารถนำปัญหาเข้าสู่สภาทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับนักศึกษาเข้ามาชี้แจงและให้ตัวแทนของรัฐบาลมารับฟังและชี้แจง คาดว่าการเข้าชื่อน่าจะได้ครบจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ในเร็วๆนี้ แม้จะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมก็ตาม นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐบาลครองเสียงส่วนใหญ่ในสภา หากเจรจากันไม่ได้ก็อาจมีพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามระบอบสภา แต่หากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยการลงถนนก็ไม่เห็นด้วย เพราะจบไม่ค่อยสวยเกิดการปะทะและไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย ดังนั้น อยากให้ปัญหาทุกอย่างยุติด้วยความเข้าใจกัน เมื่อถามว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขในเสียงสนับสนุนของรัฐบาล ทางพรรคเล็กจำนวน 18 พรรคจะรวมตัวเพื่อขอโควต้าเข้าไปมีตำแหน่งในฝ่ายบริหารหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เวลาตัวเลขไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว แต่ที่สำคัญกว่า คือ การหาคนมาทำงานและการบริหารประเทศให้ได้กำไร ถ้าทำได้ปัญหาบ้านเมืองจะคลายตัวลง ถ้าทำไม่ได้จะเกิดปัญหาความชอบธรรมในทางการเมืองของรัฐบาล นายราเมศ กล่าวว่า จะรับเรื่องและเรียนไปยังประธานรัฐสภาเพื่อดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาต่อไป