นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยและการดําเนินงานเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันจากเชื้อโควิด-19 ว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้รายงานผลการคัดกรองผู้โดยสารทั้ง 6 ท่าอากาศยาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ทอท.ได้ทําการคัดกรองผู้โดยสารระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออก และผู้โดยสารภายในประเทศขาออก 104,658 คน พบผู้โดยสารและลูกเรือที่มีอาการเข้าข่ายเฝ้าระวัง 2 ราย คือ ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบผู้ป่วยเพศชาย อายุ 33 ปี คนไทยเดินทางมาจากเมือง BUSAN ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยเที่ยวบิน ZE921 มีอาการ 1 วันก่อนมามีไข้ เจ็บคอ ส่งต่อแพทย์ประจําด่านควบคุมโรคมีความเห็นสงสัยโรคติดเชื้อโควิด-19 นําส่งโรงพยาบาลบางบ่อ และผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบเด็กชาย อายุ 5 ปี ชาวไทยเดินทางมาจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยสายการบิน T Way Air เที่ยวบิน TW101 มีไข้ 38.8 C ส่งต่อแพทย์ประจํา ด่านควบคุมโรคมีความเห็นสงสัยโรคติดเชื้อโควิด-19 นําส่งโรงพยาบาลบางพลี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามในหนังสือเวียนส่งถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.) และสำนักเลขานุการรัฐมนตรีฯ (สรค.) เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีใจความว่า ด้วยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นโรคติดต่ออันตราย ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติตต่อ พ.ศ.2558 ลำดับที่ 14 ตามที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขแจ้งเตือนระดับ 3 หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการเดินทาง เลื่อนหรืองดการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีได้รับอนุมัติหรืออนุญาตให้เดินทางไปยังประเทศ หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณายกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางออกไปให้พ้นช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังหรือแวะผ่านประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาเป็นรายกรณี และเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามในหนังสือเวียนส่งถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.) และสำนักเลขานุการรัฐมนตรีฯ (สรค.) เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีใจความว่า ด้วยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นโรคติดต่ออันตราย ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติตต่อ พ.ศ.2558 ลำดับที่ 14 ตามที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขแจ้งเตือนระดับ 3 หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการเดินทาง เลื่อนหรืองดการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีได้รับอนุมัติหรืออนุญาตให้เดินทางไปยังประเทศ หรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณายกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางออกไปให้พ้นช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังหรือแวะผ่านประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาเป็นรายกรณี และเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว