หายดีกลับบ้านได้เพิ่ม 3 ราย เป็นชายจีน ชายไทย และหญิงจีน โดยยอดสะสมผู้ป่วยที่ 40 ขณะตามตัวครบ 101 คน ใกล้ชิดปู่ย่าหลาน ทั้งคนในครอบครัว-ร่วมทัวร์-หมอพยาบาล-เพื่อนนร. ตรวจแล้วผลลบ 97 อีก 4 รายยังเก็บตัวอย่างรอตรวจ ยันอย่ากังวลจะมีซูเปอร์สเปดเดอร์ ความเสี่ยงน้อยหากไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย พร้อมเพิ่มช่องออฟฟิเชียลไลน์ให้ข้อมูล “รู้กันทันโรค” หลังคนกระหน่ำโทรถามสายด่วน 1422 ขณะอนุทินลงนามประกาศโรคติดต่ออันตราย เตรียมประกาศใช้ในราชกิจจาฯ ใครฝ่าฝืน-ปกปิดข้อมูลมีความผิดโทษปรับ 2 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข พร้อม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ข่าวดีวันนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้เพิ่มอีก 3 ราย จากสถาบันบำราศนราดูร 2 ราย เป็นชายจีน อายุ 63 ปีและชายไทย อายุ 49 ปี จากโรงพยาบาลราชวิถี เป็นหญิงจีน อายุ 33 ปี มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 27 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 13 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 40 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-26 ก.พ.63 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,064 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 76 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,988 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,352 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 712 ราย สถานการณ์ทั่วโลกใน 46 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 ม.ค. – 27 ก.พ.63 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 81,406 ราย เสียชีวิต 2,771 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 78,073 ราย เสียชีวิต 2,715 ราย สำหรับความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับกลุ่มผู้ป่วยยืนยัน 3 รายวานนี้ (26 ก.พ.63) ได้แก่ คนในครอบครัว เพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์ บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อนร่วมชั้นเรียน ขณะนี้ติดตามได้ครบทุกคนแล้ว 101 ราย ผลตรวจเป็นลบ 97 ราย อีก 4 รายเพิ่งเก็บตัวอย่างอยู่ระหว่างการตรวจ นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีเกิดความกังวลใจของประชาชน หรือเพื่อนบ้านปู่ ย่า หลาน ว่าอาจจะมีการแพร่กระจายนั้น กระทรวงสาธารณสุขอยากทำความเข้าใจว่า ธรรมชาติของโรคนี้สามารถติดต่อทางละอองฝอยขนาดใหญ่ หากไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยความเสี่ยงก็น้อยลง ซึ่งผู้สัมผัสเสี่ยงสูงนั้น หมายถึง ผู้สัมผัสที่มีโอกาสสูงในการรับหรือแพร่เชื้อกับผู้ป่วย ประกอบด้วย ผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือมีการพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นาน 5 นาที หรือถูกไอ จาม รดจากผู้ป่วยโดยไม่มีการป้องกัน เช่น ไม่สวมหน้ากากอนามัย ผู้ที่อยู่ในบริเวณที่ปิดไม่มีการถ่ายเทอากาศ เช่น ในรถปรับอากาศห้องปรับอากาศร่วมกับผู้ป่วยและอยู่ห่างจากผู้ป่วยไม่เกิน 1 เมตรนาน 15 นาที โดยไม่มีการป้องกัน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ หมายถึง ผู้สัมผัสที่มีโอกาสต่ำในการรับหรือแพร่เชื้อกับผู้ป่วย ได้แก่ ผู้สัมผัสที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทั้งนี้ มีผู้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เข้ามาที่กรมควบคุมโรคผ่านสายด่วน 1422 (30 คู่สาย) เป็นจำนวนมาก กรมควบคุมโรคจึงได้เปิดช่องทางการสื่อสารเพิ่มเติมทางแชทบอท (chat boat) ชื่อ “คร.OK” ที่สามารถตอบคำถามที่พบบ่อย หรือ ออฟฟิเชียลไลน์ ชื่อ “รู้กันทันโรค” ประชาชนสามารถเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อฟังข้อมูลอัตโนมัติ หรือฝากข้อความให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในประกาศโรคติดต่ออันตรายแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 26 ก.พ.63 และเตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ในวันถัดไป ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนหรือปกปิดข้อมูลมีโทษปรับ 20,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะให้ความสำคัญหากป่วยหรือมีอาการหลังจากเดินทางในพื้นที่เสี่ยงจะเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ปิดบังเพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้ป่วยเอง และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง กรณีผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงควรแจ้งประวัติการเดินทางทุกครั้งเพราะการปกปิดข้อมูลประวัติความเสี่ยงประวัติการเดินทาง ไม่เป็นประโยชน์ อาจเป็นโทษ นำโรคมาติดคนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน ขอให้อย่ากลัวที่จะบอกประวัติความเสี่ยง สาธารณสุขไทยมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลรักษา แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคหากเรามีความเสี่ยง และมีอาการสงสัยป่วย ให้หยุดที่ตัวเรา แยกตัวออกจากผู้อื่น ป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น งดใช้ขนส่งสาธารณะ ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง หากมีความจำเป็นต้องทำงาน สามารถทำงานที่บ้านได้ โดยปรึกษากับหัวหน้างาน จดบันทึกอาการของตนเองและวัดไข้ทุกวัน