"ซักฟอก"วันที่สาม ฝ่ายค้านป่วนหนัก! เปิดไฟฉายกลางสภาฯ กดดัน "นายกฯ" ประกาศยุบสภา พร้อมให้ฉายา "ตู่ธานอส" ก่อนท้าลงสนามลงเลือกตั้งใหม่ ขณะที่ "เสรีพิศุทธ์" ฝันสลาย อดอภิปรายปมถวายสัตย์ เจอ "ส.ส.รัฐบาล" รุมขวาง-หวิดวางมวย "ครูแก้ว"สวนกลับ "ผมสหายแสง ไม่กลัววีรบุรุษนาแก" ด้าน"บิ๊กตู่" ยัน biometric โปร่งใสตรวจสอบได้ ย้อนฝ่ายค้านกล่าวหาเอี่ยว "1MDB" เผยมีคนหมายแดง เข้าออกไทยด้วยบัตรอีลิทการ์ดอดีตรัฐบาล และขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยันไม่มีนโยบายไอโอ พร้อมสั่งตรวจสอบ โอดนายกฯเองก็โดนเยอะ ขณะที่"ราชกิจจาฯ" ประกาศใช้พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี63แล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 โดย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรตั้งงบประมาณรายจ่ายประ จำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ ขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และ ยินยอมของรัฐสภา โดยพ.ร.บ.ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นเงินงบประมาณ จำนวน 3,200,000,000,000 บาท ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.18 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารของกองทัพ(ไอโอ) ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ และปกติก็ไม่มีนโยบายให้ทำงานแบบนี้อยู่แล้ว และวันนี้ในโซเชียลมีเดีย มีการกระทำแบบนี้มากมาย ตนก็โดนเยอะในนั้น เห็นไหมใครทำก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวก็ตรวจสอบอีกทีแล้วกัน ยืนยันว่าไม่มีนโยบายดังกล่าว ด้าน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมหาดไทย และไม่ได้หน่วยงานหนึ่งในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมน ตรีเป็นรายบุคคล วันที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ กรณีถูกกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใส โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี biometric ว่า โครงการนี้เป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) โดยเป็นเงินงบประมาณ ที่ได้มาจากเงินค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมือง โดยกระทรวงการคลังได้พิจารณาความคุ้มค่าก่อนการอนุมัติให้ใช้เงินแล้ว สตช.ทำสัญญากับกิจการค้าร่วมเอ็มที และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับเพื่อใช้ในราชการแล้วตั้งแต่เดือนส.ค.62 และมีการติดตั้ง จำนวน 1,843 ชุด "ขอความเป็นธรรมว่าเรื่องการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนั้น ก็มีหลายคนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันแล้ว ต้องไปร่วมกระทำความผิด ถ้ามาเหมากันแบบนี้ผมคิดว่าหลายคนที่หนีไปก็มีเพื่อนร่วมรุ่นหมายความว่า ต้องผิดทุจริตกันหมดอย่างนั้นเหรอ ผมคิดว่าอยู่ที่ตัวบุคคล ภรรยาผมเป็นอาจารย์มาก่อนและเตือนผมเสมอในเรื่องการทุจริตมาตลอด ขอย้ำว่าการจัดซื้อทุกขั้นตอนผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ แล้ว หากจะมีมาดามคนใด ไปยุ่งเกี่ยว ก็ต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป แต่ผมเชื่อมั่นในภรรยา เวลานี้มีคนอ้างชื่อนายกฯ รองนายกฯเป็นจำนวนมาก มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อ ถ้าอยากรู้ว่านายกฯสั่งการจริงหรือไม่ให้ถามที่ตนเองได้ เวลานี้มีการใส่ร้ายป้ายสีทางสื่อสังคมออนไลน์เต็มไปหมด ผมกราบเรียนว่าเราจะต้องสืบหาข้อเท็จจริง เพราะเกิดความเสียหายกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของการติดตาม และตรวจพบว่าใครด่ากันด่ากันมา ซึ่งเป็นการไม่ดีเลยที่มีการปลุกระดมคนให้มาทะเลาะกัน ผมจะตรวจสอบด้วยว่าบางพรรคก็ทำ ทำเยอะด้วย ต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกันหมด ไม่ได้ขู่ใครแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย" อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่ง นายกฯ ได้ตอบข้อกล่าวหาของ นายวิสาร เตชะธีระวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ว่า รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง1MDB โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่อยากไปก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องของควาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมยืนยันว่ามีสองคนที่เกี่ยวข้อง โดยหนึ่งคนรับโทษในเรือนจำไปแล้ว อีกคน ที่มีการอ้างว่ามีหมายแดงและเข้าออกประเทศไทยนั้นได้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการว่าหมายแดงได้ออกมาหลังจากนั้นไปแล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้มีการเข้าออกประเทศเหมือนกับบุคคลทั่วไป เพราะยังไม่มีหมายแดง และวันนี้สิงคโปรต้นทางที่ออกหมายแดงก็ได้ยกเลิกหมายแดงไปแล้ว และข้อสำคัญ คือ คนที่เข้าออกประเทศไทยคนนี้เขามีสิทธิของเขาพอสมควรเหมือนกันจากบัตรอีลิทการ์ด ซึ่งไม่รู้ว่าใครทำให้เขา "บางเรื่องไม่ใช่เรื่อง ที่จะเอามาโจมตีกัน เพราะเสียหายต่อความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รู้สึกว่าท่านชอบเหลือเกินในการที่จะทำให้ต่างประเทศลดความเชื่อมั่นผมและประเทศ แต่ไม่เป็นไรผมทนได้" จากนั้น เวลา 10.35 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุความวุ่นวายระหว่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายหลังเริ่มเกริ่นนำการอภิปราย ถึงข้อกฎหมายต่างๆ ไปได้ประมาณ3 นาที ก็ถูกส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรุมประท้วง เนื่องจากพูดนอกประเด็นและไม่ยอมเข้าเรื่องทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ประธาน ต้องเตือนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้เข้าประเด็นและทันทีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เริ่มพูดเข้าประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำให้มีส.ส.ลุกขึ้นประท้วงทันที เนื่องจากมีการตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องสถาบัน จนเกิดการท้วงวุ่นวายทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล และมีการโต้คารมกันอย่างดุเดือด โดย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ประท้วงว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ทำตัวดื้อด้านเหมือนเด็กดื้อรั้น ก็ยิ่งทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจ รุมประท้วงจนน.ส.ปารีณายอมถอนคำพูด และยังคงโต้เถียงกันไปมากว่า 40 นาที จนในที่สุดนายศุภชัยได้ตัดบทให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พูดต่อ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังพยายามพูดเรื่องการถวายสัตย์ต่อ ทำให้นายศุภชัยไม่ให้พูดต่อ มิเช่นนั้นจะเชิญออกจากห้องประชุม ให้เลือกเอาจะอภิปรายเรื่องอื่นหรือจะให้เชิญออก ตนไม่ได้ขู่ แต่เอาจริง ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สวนกลับทันทีว่า"หากจะเอาจริงก็ให้ไปเจอกันนอกสภา" ซึ่งนายศุภชัยตอกกลับทันทีเช่นกันว่า "ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัว หากมีคนบอกว่าท่านคือวีรบุรุษนาแก ผมก็สหายแสง อย่ามาขู่กัน" ทำให้บรรยากาศตึงเครียด โดยมีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนให้ไล่พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ออกนอกห้องประชุม ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้านพากันประท้วงนายศุภชัย ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พยายามชี้แจงว่า "อย่าเข้าใจว่าผมข่มขู่ ที่ว่าไปเจอกันนอกสภา หมายถึงไปพูดคุยกินกาแฟทำความเข้าใจที่ห้องประธานได้" จากนั้น นายศุภชัย จึงยอมให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายต่อ ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็กล่าวต่อเพียงสั้นว่า "ที่ผ่านมานายกฯหลอกตัวเองตลอด แต่ใครหลอกตัวเอง ก็ไม่สมควรมาทำหน้าที่นายกฯ" ก่อนจะนั่งลงจบการอภิปรายในทันที ทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง ต่อมา เวลา 12.45 น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า นายกฯเอาแต่ชี้นิ้วสั่งทุกอย่างเหมือนธานอส จนได้รับฉายาว่า รัฐบาลเชียงกง ถ้าบริหารประเทศได้ดีก็คงไม่ได้รับฉายา และมีคำครหามากที่สุดในเรื่องการซื้ออาวุธ และละเลยปล่อยให้มีอาช ญากรรมและยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง เกิดผู้เสพหน้าใหม่จำนวมาก และในช่วงท้ายของการอภิปรายนั้น น.อ.อนุดิษฐขอให้ส.ส.ฝ่ายค้านหยิบโทรศัพท์และเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ พร้อมกล่าวว่า ขอให้นายกฯยืนขึ้น เปล่งเสียง ว่า ข้าพเจ้าขอยุบสภาแล้วไปเลือกตั้งกันใหม่ จะได้ดูว่าประชาชนจะเลือกกลับเข้ามาบริหารประเทศ หรือไม่ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้ม และส่ายหัว