กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 3 กระตุ้นผู้ประกอบการไทยพัฒนาศักยภาพต่อเนื่องในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว พร้อมแนะปรับตัวและรูปแบบการค้าให้เหมาะกับสถานการณ์โดยใช้การเข้าร่วม SMEs Pro-active เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับการขยายตลาดส่งออก นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายและความผันผวนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สถานการณ์ความไม่สงบ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในหลายประเทศ การใช้มาตรการกีดกันทางการค้าทางด้านภาษี สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นหรืออยู่ระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและไม่สามารถปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในการจัดส่งสินค้าไปตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยยังคงต้องพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง และหาช่องทางในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในช่วงที่สถานการณ์การค้าโลกชะลอตัว อาทิ การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า ปรับรูปแบบการจำหน่ายออนไลน์ให้สะดวก รวดเร็ว ปรับปรุงหน้าเวบไซต์ให้ทันสมัย แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่มีอยู่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าในต่างประเทศ สำหรับโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs Pro-active เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้า โดยการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยสามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ และกิจกรรมที่สร้างโอกาสการค้าและเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินโครงการ SMEs Pro-active มาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3(ปีงบประมาณ 2562-2564)เพื่อส่งเสริมการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้เพิ่มลักษณะกิจกรรมที่ให้การสนับสนุนเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการค้าสมัยใหม่ การขยายฐานการสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มสตาร์ทอัพ และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบริหารจัดการข้อมูล เป็นต้น “ถือเป็นการขยายโอกาสทางการค้าในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยสนับสนุนสินค้าและบริการทุกประเภท รวมถึงสินค้าเป้าหมายสำคัญตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ด้วยวงเงินสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อครั้ง จำนวน 12 ครั้ง แบ่งเป็นการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศจำนวน 6 ครั้ง และการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) และกิจกรรมนําเสนอผลงาน (Business Pitching) เพื่อขาย หรือระดมเงินทุนจำนวน 6 ครั้ง ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าพื้นที่ ค่าคูหา ค่าประกันภัยในงาน ค่าประชาสัมพันธ์ และค่าเข้าร่วมกิจกรรม” โดยเป้าหมายของโครงการระยะที่ 3 คือการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้ได้ถึง 2,500 ราย เข้าร่วมกิจกรรมในต่างประเทศ 700 งานใน 74 ประเทศทั่วโลก เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออก 8,000 ล้านบาท จากผลสำรวจการเข้าร่วมโครงการพบว่า มีผู้ประกอบการร้อยละ 91 ได้พบกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ตลาดที่มีผู้ประกอบการขอรับการสนับสนุนสูงสุดคือเอเชียตะวันออกร้อยละ 31 รองลงมาคืออาเซียนร้อยละ 29 และยุโรปตะวันตกร้อยละ 18 สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และต้องการพัฒนาศักยภาพตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถทางการส่งออก สามารถศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์โครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์โครงการ https://smesproactive.ditp.go.th/