นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง ในหัวข้อ เป็นกำลังใจให้อนาคตใหม่ ผ่านทางรายการ ลมหายใจ ช่องพีซทีวี ระบุว่า ก่อนการยุบพรรคอนาคตใหม่ 1 วัน ทีวีช่อง 8 ได้ชวนตนไปบันทึกรายการ กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น โดยหัวข้อหลักก็คือ เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตนพยายามภาวนาว่า สิ่งที่วิเคราะห์จะเป็นผลลัพธ์ตรงกันข้าม เพราะเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นหลายคนต่างมีความเชื่อแตกต่างกัน แต่โดยก้นบึ้ง รู้ว่าบนเส้นทางทางการเมืองอย่างนี้โอกาสที่จะรอดนั้นยาก นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนตัวผ่านการยุบพรรคมาแล้ว 2 พรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ดังนั้นเส้นทางที่อนาคตใหม่และนายธนาธรเจอ ตนผ่านมาแล้ว ในฐานะที่ผ่านมาก่อนสิ่งที่นายธนาธรต้องคิดต่อไปคือคดีทางอาญา ซึ่งได้พูดต่อหน้านายธนาธรในรายการที่ไปบันทึกเทปว่า เหตุที่พรรคอนาคตใหม่เจอกับการร้องเรียนเรื่องเงินกู้นั้น พรรคการเมืองทั้งประเทศสามัคคีกันต้มว่า เรื่องนี้ใครก็แล้วแต่จะต้องตกแต่งและต้องไม่ประกาศซึ่งทุกพรรคการเมืองก็ทำเช่นนี้ หากจะกู้ก็ออกแบบกันไว้ว่าไม่เกิน 10 ล้านบาท แต่นายธนาธรกลับมาเปิดเผยเรื่องการกู้เงินอยู่พรรคการเมืองเดียว ก็โดนอยู่พรรคเดียว เพราะพรรคการเมืองที่เหลือสามัคคีกันต้ม นี่คือความจริงของประเทศไทย แต่ทันทีที่ถูกตัดสินเรื่องนี้ก็จะพ่วงด้วยคดีอาญา เพราะอานุภาพของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิด ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะไปวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องเอาผลคำผูกพันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นตัวตั้ง เหมือนอย่างกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นฟ้อง กกต.ทั้ง 7 คน ศาลอาญาบอกว่ารอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน แล้วจึงจะนัดอ่านคำวินิจฉัยว่าจะรับฟ้องในกรณีดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นเส้นทางต่อไปโดยเฉพาะการชุมนุมจะต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ "การชุมนุมแบบแฟลชม็อบ อาจจะทำได้เต็มที่ไม่เกิน 5 ครั้ง เพราะหลังจากนั้นผู้มาร่วมชุมนุมจะไม่ยอมกลับเพราะต้องการชัยชนะกลับบ้านกันทั้งนั้น เส้นทางของนายธนาธร จะจบแบบไหน นปช.จบลงด้วยการถูกปราบปรามคนล้มตายจำนวนมาก บางฝ่ายก็จบลงด้วยการมีคนมายึดอำนาจให้ แต่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะจบลงอย่างไร ก็ถูกดำเนินคดีด้วยกันทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าเสียงอนาคตใหม่จะหายไป แล้วรัฐบาลจะอยู่ดี เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงในสภา ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ คนฆ่าตัวตายรายวันเพราะพิษเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวก็พัง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ แล้วรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปในเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลเองก็ขอให้นับเดือนรอ ตามหลังอนาคตใหม่ไปในไม่ช้า และขอให้กำลังชาวอนาคตใหม่ เพราะสิ่งที่อนาคตใหม่เจอ คนเสื้อแดงเจอมาทั้งหมดแล้ว และต้องลุกขึ้นมาให้อย่างรวดเร็ว" นายจตุพรกล่าวอีกว่า ผลสำรวจนิด้าโพลที่บอกว่า หากมีการชุมนุมคนจะออกไปร่วมเพียง 3 เปอร์เซ็นต์นั้นตนมองว่า 3 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวหมายถึงในวันนี้เท่านั้น แต่หากมีประเด็นที่ใช่ แล้วรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้วันนั้นก็ไม่มีใครรู้ ความขัดแย้ง วันนี้หากเกิดขึ้นมาใหม่ก็เป็นความน่ากังวลและที่ยิ่งน่ากังวลไปกว่านั้นคือรัฐบาลไม่มีอนาคตอะไรให้กับเขาเลย ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีรัฐบาลตอบได้ แม้ว่าจะชนะในสภาก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ได้ การอภิปรายในครั้งนี้จะมีความหมายและสำคัญที่สุดต่อเมื่อ สะท้อนให้ประชาชนได้เห็นว่า ในเวลาที่ประชาชนกำลังทุกข์ยากนั้น รัฐบาลทำอะไรอยู่